โฆษกรัฐบาลเผยไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาค แนวโน้มช่วง 9 ปีข้างหน้าสดใส

27 ก.ย.2565- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการสำรวจแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในช่วง 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2565 – 2574) ยังมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดี โดยเป็นผลจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล การลงนามในความตกลงเขตการค้าเสรีของไทยกับหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนการส่งออกรถยนต์อื่น ๆ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เว็บไซต์ Research and Markets ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมผลงานวิจัยในด้านต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยแพร่ผลการสำรวจแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2574 (Research Report on Thailand’s Automobile Industry, 2022-2031) ระบุว่า ด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่า และการสนับสนุนจากรัฐบาล ประเทศไทยจึงเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถูกเรียกว่าดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) โดยในปี 2564 มูลค่าส่งออกของการผลิตรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP ของประเทศไทย

โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเน้นการส่งออก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการส่งออกรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคัน ไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรปทุกปี ในขณะที่ภาษีนำเข้ารถยนต์มีแนวโน้มว่าจะลดลง เนื่องจากไทยได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประกอบกับ รัฐบาลไทยมีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่พัฒนาไปมาก และมีผู้ผลิต (supplier) ชิ้นส่วนยานยนต์จำนวนมาก แม้ยังคงจะต้องนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญอยู่ ซึ่งรวมทั้งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการรถยนต์ EV เพื่อสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายของไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065 อีกด้วย

“รัฐบาลมุ่งมั่น วางแผนดำเนินนโยบาย ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อกระตุ้นการลงทุนในประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอีกเป้าหมายสำคัญ เพื่อผลักดันไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิต และการลงทุนยานยนต์ที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน โดยต้องการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในด้านต่าง ๆ ให้กับประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อส่งต่อโลกให้คนรุ่นใหม่” นายอนุชา กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คารม' เผยผลมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐบาลดัน ทอท. กำไรพุ่ง 118.21%

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัว “ตู้ห่วงใย” สานต่อนโยบาย

ทีมโทรโข่งรัฐบาล ติวเข้มโฆษกกระทรวงส่ง 'ข่าวดี' ทุกสัปดาห์ เร่งตีปี๊บผลงาน 3 เดือน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายคารม พลพรกลาง นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ครม. ตั้ง 'บิ๊กรอย' นั่งที่ปรึกษาภูมิธรรม 'คารม-ศศิกานต์' รองโฆษกรัฐบาล

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย ดังนี้ 1.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม

จับตา! ครม.ได้ฤกษ์ตั้ง ขรก.การเมืองล็อตใหญ่ ‘จิรายุ’ โฆษกรบ. ’คารม-ศศิกานต์’ รองฯ

เลขาฯนายกฯเผยตรวจสอบคุณสมบัติ ขรก.การเมืองเสร็จส่วนหนึ่งแล้ว เชื่อว่าจะสามารถนำรายชื่อเสนอในการประชุมครม.วันที่ 1 ต.ค.พิจารณาแต่งตั้งได้เป็นส่วนใหญ่ตามที่ได้เสนอชื่อมา

'จิรายุ' แจงครม.ยังไม่เคาะตั้งข้าราชการการเมือง นายกฯกำชับตรวจคุณสมบัติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการแต่งตั้งข้าราชการเมือง โดย 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาไม่สามารถนำรายชื่อเข้าที่ประชุมครม.ได้ เนื่องจากนายกฯได้สั่งการสืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม รวมทั้งระเบียบพ.ร.บ.