ครม.เห็นชอบแผนขับเคลื่อนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ หวังกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดน
21 ก.ย.2565 – น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยได้พิจารณาองค์ประกอบการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 5 ด้าน และการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ดังนี้ 1.การให้สิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกการลงทุน 2.การพัฒนาห่วงโซ่การผลิตและบริหาร 3.การวิจัยและพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี 4.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และ 5.การพัฒนาแรงงานและสนับสนุนผู้ประกอบการ พร้อมทั้ง กำหนดขอบเขตพื้นที่ กิจการเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง – ตะวันตก พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
น.ส.รัชดายังกล่าวถึงความก้าวหน้าการด้านการสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระเบียงเศรษฐกิจพิเศษใน 4 ภาคว่า มูลค่าการลงทุนในปี 2564 จำนวน 118,637 ล้านบาท มีการดำเนินโครางการสำคัญ ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์อุทยานวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่วนเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา หนองคาย นราธิวาส เชียงราย นครพนม และจังหวัดกาญจนบุรี เกิดการลงทุนภาคเอกชน (ปี 2558 – เมษายน 2565) จำนวน 36,882 ล้านบาท ด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรแล้วเสร็จ 89%
“ผลสำเร็จของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้การกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดน รวมทั้ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อให้มีการเข้ามาลงทุนในพื้นที่นั้น ๆ อีกทั้งยังมีกฎหมาย มาตรการ หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จูงใจนักลงทุนให้เข้ามาทำธุรกิจในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย โดยสิทธิประโยชน์ต่างๆ จะเป็นในเรื่องของกฎระเบียบที่มีความผ่อนปรนเป็นพิเศษ รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และอื่น ๆ อีกมากมาย” น.ส.รัชดากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยันผู้ปลูกมันสำปะหลังไม่ถูกกดราคาแน่
รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นผู้ปลูกมันสำปะหลัง เตือนพ่อค้ากดราคา โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จัดสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายมันฯ ในแหล่งเพาะปลูกทั่วประเทศ รับฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่ม ธ.ค.นี้
รัฐบาลโอ่ผลงานยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออกเชื่อมโยงอีอีซี
รัฐบาลยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออก เพิ่มประสิทธิภาพการจราจร เชื่อมโยงอีอีซี ล่าสุดกรมทางหลวงขยาย 4 ช่องจราจร ทล.3481 ตอน บ้านหัวไผ่ - การเคหะฯ จังหวัดปราจีนบุรี แล้วเสร็จ
อย่าหลงเชื่อ! มิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกไปทำงานฟาร์มออสเตรเลีย
รัฐบาลเตือนภัยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำรัฐบาลออสเตรเลีย ยังไม่มีความร่วมมือกับไทยด้านการส่งแรงงานและยังไม่มีนโยบายการออกวีซ่าเกษตรให้กับคนไทย
ข่าวดี! สปสช.เห็นชอบเพิ่มสัดส่วนล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50%
'คารม' เผย บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนอพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพของนโยบายล้างไต เพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50% ดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีความยั่งยืน
ก.อุตฯ ลุยเสริมทักษะเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย
'ศศิกานต์' เผย ก.อุตฯ เดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย เสริมทักษะ เพิ่มขีดการแข่งขัน เน้นดิจิทัลและความยั่งยืน คาดดันเศรษฐกิจโตกว่า 62 ล้านบาท
อึ้ง! ร้องเรียนโจรชวนลงทุนออนไลน์วันละกว่า 3.2 พันสาย
รองโฆษกรัฐบาล เตือนภัย 'มิจฉาชีพชวนลงทุนออนไลน์' พบผู้เสียหายโทรแจ้งอาชญากรรม ผ่านศูนย์ AOC เฉลี่ยวันละ 3,206 สาย ดำเนินการระงับบัญชีวันละ 1,130 บัญชีต่อวัน