20 ก.ย. 2565 – นายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือชินวะ กรุ๊ป จากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในปี 2565 นี้ ภาพโดยรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติต่างๆหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยเราจะเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตามการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น แต่วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงานที่ลดลง ประกอบกับยังเผชิญกับผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ลามไปถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียนั้นกำลังส่งผลให้เกิดราคาสินค้าและบริการ รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหรือที่เห็นอยู่ตอนนี้ได้สร้างความอึมครึมให้กับเศรษฐกิจ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราเองก็ต้องเดินไปข้างหน้า เพียงแต่เป็นการก้าวที่ต้องระวังและรอบคอบ” นายวิชัย กล่าว
ขณะเดียวกันแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งของประเทศไทยและเศรษฐกิจโลกจะเจอแรงกดดัน แต่บริษัทก็ยังมีแผนลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง ตามนโยบายบริษัทแม่ “ชินวะ กรุ๊ป” เข้ามาลงทุนในไทยตั้งแต่ ปี 2560 เริ่มจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม รูเนะสุ ทองหล่อ 5 เนื่องจากตลาดคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมือง ยังมีจำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงมีการปรับแผนหันมาเจาะตลาดบ้านแนวราบระดับลักช์ชัวรี่ โดยล่าสุดนำร่องพัฒนา โครงการ “เมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ (ME~I Avenue Srinakarin)” บ้านหรูสไตล์ Japanese Modern ชูจุดเด่น “อินโนเวชั่น” ผสานศาสตร์ “ฮวงจุ้ย” วิชาเต๋า-เหมาซานทุกหลัง เจาะเศรษฐีกลุ่มนิชมาร์เก็ตระดับไฮเอนด์ ในราคาเริ่มต้น 39.8 ล้านบาท
สำหรับโครงการเมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ เป็นโครงการที่บริษัทชินวะฯ ลงทุนเองทั้งหมด 100% ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ติดห้างพาราไดซ์ ปาร์ค ซึ่งเดิมมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมขนาด 100 ยูนิต เจาะกลุ่มวัยเพเริ่มทำงาน แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยประกอบกับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมีฐานะดี มีรายได้สูง และมีทั้งกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่แต่งงานแยกครอบครัวใหม่ แต่ต้องการอาศัยใกล้ครอบครัวเดิม
ทั้งนี้ ด้วยสภาพตลาดที่ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทจึงได้นำที่ดินแปลงดังกล่าว ปรับเป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ จำนวน 5 หลังสูง 4 ชั้นรวมดาดฟ้า ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 46.4-49.6 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 531-524 ตร.ม. 4-5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน ราคา 39.8-48.8 ล้านบาท สามารถแบ่งโซนทำงานและอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มเจ้าของธุรกิจ และครอบครัวขยาย มีมูลค่าการขาย 250 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายได้หมดภายในสิ้นปี 2565
นายวิชัย กล่าวอีกว่า หากการพัฒนาโครงการเมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ ประสบความสำเร็จ โมเดลธุรกิจต่อไปของ ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จะเน้นการพัฒนาโครงการบ้านระดับไฮเอนด์ในพื้นที่รอบๆใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านที่เป็นที่รู้จักของญี่ปุ่น เช่น สุขุมวิท พร้อมทั้งขยายไปในทำเลต่างจังหวัด อาทิ ตามหัวเมืองท่องเที่ยว อาทิ ศรีราชา จ.ชลบุรี ภูเก็ต และ เขาใหญ่ ในรูปแบบของพลูวิลล่าสไตล์ญี่ปุ่นและวิลล่าหรู โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการอยู่ 4-5 แปลง ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าสร้างยอดขายและรายได้รวม 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี หลังสถานการณ์โควิด เริ่มคลี่คลายสิ้นปีนี้ บริษัทจะนำห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม “รูเนะสุ”ทองหล่อซอย 5 มูลค่า 1,200ล้านบาท จำนวน 156 ยูนิต มาขายใหม่ หลังจากลูกค้าชาวจีนกลุ่มหนึ่งซึ่งจองห้องชุดและจ่ายค่ามัดจำแล้ว 20% แต่ไม่สามารถเดินทางมาโอนกรรมสิทธิ์ได้ คิดเป็นประมาณ 30% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด หรือเป็นมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ นำห้องชุดดังกล่าว ออกมาขายในราคาเดิมหลังเปิดพรีเซล หรือประมาณ 240,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งคาดว่าสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในกลางปี 2566