สมอ. เร่งเครื่องฮับทดสอบยานยนต์ ลุยตั้ง"องค์การมหาชน"เสริมแกร่งอุตสาหกรรมไทย

19 ก.ย. 2565 – อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เป็นขุมกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา โดยการจะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องมีหน่วยงานที่วางแนวทางในการส่งเสริมกันและกัน เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถอยู่เหนือคู่แข่งสำคัญๆ ในอุตสาหกรรมนี้ได้ โดยในช่วงที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอตั้ง “องค์การมหาชน” บริหารงานศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2569 โดยในส่วนนี้จะเน้นความคล่องตัวในการบริหารจัดการงบประมาณและบุคลากร พร้อมกับเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากยิ่งขึ้น  

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center–ATTRIC) ขึ้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน 3,705.7 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเป็นฐานการผลิต (Hub) ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการทดสอบยานยนต์เต็มรูปแบบในปี 2569

ดังนั้น เพื่อให้การบริหารงานศูนย์ทดสอบดังกล่าวเกิดความคล่องตัว มีความเป็นกลาง และทันต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในประเทศและระดับสากล กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางในการจัดตั้งองค์การมหาชนรองรับการบริหารศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่ปรึกษา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันยานยนต์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฯลฯ ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าที่กำหนดกรอบแนวทางและแผนการปฏิบัติงานในการจัดตั้งองค์การมหาชนรองรับการบริหารศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

ด้าน นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบุว่า สมอ. ได้จัดจ้างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อมาศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจสำหรับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยที่ผ่านมาได้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พบว่าการบริหารงานในรูปแบบองค์การมหาชนมีความเหมาะสมต่อการบริหารจัดการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพราะจะมีความคล่องตัวสูง มีความเป็นกลาง สามารถบริหารจัดการงบประมาณและบุคลากรได้โดยอิสระ

ขณะเดียวกันยังเป็นหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐได้อีกด้วย โดยคณะกรรมการกำหนดแนวทางในการจัดตั้งองค์การมหาชนรองรับการบริหารศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ จะเร่งรัดดำเนินการกำหนดกรอบแนวทางในการจัดตั้งองค์การมหาชนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารศูนย์ทดสอบที่พร้อมจะเปิดให้บริการอย่างครบวงจรในปี 2569

“ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดและได้มาตรฐานโลกแห่งแรกในอาเซียน รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอีก 20 ปีข้างหน้า” นายบรรจงกล่าว

นายบรรจงกล่าวว่า ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ดำเนินการบนพื้นที่ 1,235 ไร่ ณ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดำเนินงานระยะที่ 2 ในการสร้างสนาม ซื้ออุปกรณ์ติดตั้งวิจัยข้อมูล และวัดสมรรถภาพรถยนต์จากการทดสอบผ่านศูนย์ดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงบประมาณได้มีการเสนอให้ สมอ.ของบประมาณเป็นงบผูกพันช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2566-2568

โดยในปีงบประมาณ 2566 นี้ผ่านการพิจารณาและเตรียมอนุมัติงบอยู่ที่ 631 ล้านบาท ลดลง 1.25% จากงบประมาณที่ทำการยื่นขอไปที่ 639 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณในปี 2567-2568 จะยื่นเสนออยู่ที่ 597 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอนการพัฒนาศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ขณะที่ปัจจุบันทาง สมอ.ได้หารือกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ในกรณีจะผลักดันศูนย์ให้มีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานเชิงพาณิชย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐ ซึ่งมีการสรุปอยู่ 3-4 แนวทาง โดยแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้ และได้ผ่านการพิจารณาของปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว นั่นก็คือการทำให้ศูนย์เป็นหน่วยงานอิสระ หรือการทำให้เป็นองค์การมหาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’หวังกระทรวงอุตฯเป็นที่พึ่งของทุกคนอย่างแท้จริง

การเข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการประจำกระทรวงต่างๆ ในประเทศไทยนั้นต้องผ่านด้านการบริหารงานมาเข้มข้น และยังต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์อย่างจริงจัง

'เด็กก้าวไกล' จี้รัฐบาลเร่งดันร่างกฏหมาย PRTR

'ชุติพงศ์' จี้รัฐบาล เร่งดันร่างกฏหมาย PRTR หลังเกิดเพลิงไหม้-สารรั่วไหลทั่วประเทศเกือบ 10 ครั้ง เผยโรงงานระยองไฟปะทุ ก่อควันพิษกระทบสุขภาพ ปชช.-โรงเรียนในพื้นที่เปิดไม่ได้