12 ก.ย. 2565 – นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวอภิปราย เรื่อง “วิกฤตเศรษฐกิจและพลังงานโลก” ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2022 ว่า ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3-4% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3%โดยจะมีปัจจัยที่ต้องติดตาม 7 เรื่อง คือ 1.ความขัดแย้งระหว่างประเทศเดินหน้าต่อเนื่อง ทั้งสหรัฐ รัสเซีย และจีน 2.การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก 3.การลดลงของเงินเฟ้อโลก 4.การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ 5.การเริ่มของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก(Global Recessions) 6.การอ่อนตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะชัดเจนขึ้น และ 7.การก่อตัวของ Emerging Market Crisis
ทั้งนี้ สิ่งที่จะกระทบกับผู้ประกอบการในช่วงต่อไป คือ โอกาสของการส่งออกที่จะน้อยลงจากเดิม, ต้นทุนสินค้าที่จะยังผันผวนไปอีกระยะ, ค่าเงินโลกจะยังคงผันผวนและค่าเงินบาทที่จะมีแรงกดดันไปอีกระยะ, ผู้ประกอบการไทยจะได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนเมื่อวิกฤตจีนลุกลาม, วิกฤต Emerging Market จะมีหางเลขกระทบมาไทยช่วงหนึ่งเช่นกัน, การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. นั้น มองว่า สิ้นปีนี้ดอกเบี้ยของไทยน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.25% และหลังจากนั้นจะรอดูความชัดเจนของภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศว่าจะเป็นอย่างไร โดยในปี 2566 มองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. จะเป็นไปด้วยความระมัดระวังและจำกัด โดยอาจจะขึ้นได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น และธปท.จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยช่วงกลางปี 2566 จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศทั่วโลก ที่จะขยายวงกว้างมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อดูแลเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกระยะถัดไปน่าจะคลี่คลายลงได้บ้างจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากปัจจุบันปริมาณซัพพายน้ำมันที่ออกมาในตลาดมีมากขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากการสู้รบในระยะยาวระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังมีปัญหาสืบเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่
แต่ในส่วนที่ยังกดดันต่อเศรษฐกิจและทำให้เกิดเงินเฟ้อต่อไปคือเรื่องของราคาก๊าซธรรมชาติที่ยังมีราคาเพิ่มสูงมาก เนื่องจากการปิดท่อก๊าซจากรัสเซียที่ส่งไปยุโรปทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้นมาก รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ถ่านหิน ก็เพิ่มขึ้นไปด้วยทำให้ราคาค่าไฟฟ้าในยุโรปเพิ่มสูงขึ้นมาก
“ไทยยังต้องตั้งรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลก และจะกระทบการส่งออกของไทย โดยเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้าที่จะฝากความหวังไว้ได้คือเรื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยปีนี้ประมาณ 10 ล้านคน” นายกอบศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ในปีหน้ามองว่าการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะฟื้นตัวมากขึ้นหากประเทศจีนปล่อยให้นักท่องเที่ยวออกมานอกประเทศได้การท่องเที่ยวในไทยจะมีชาวต่างชาติเข้ามาประมาณ 2.5 ล้านคนต่อเดือน ทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและมีรายรับด้านการท่องเที่ยวอีกมากส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุล ซึ่งจะทำให้แรงกดดันเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง.ลดลงด้วย เพราะสถานการณ์จะต่างจากช่วงก่อนที่ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากภาคการท่องเที่ยวที่หายไปในช่วงที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'กอบศักดิ์' บอก 22 มี.ค.ต้องจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยเขย่าโลก!
'กอบศักดิ์' เผยคำพูดประธานเฟดสั้นๆ เขย่าตลาดหุ้นทั่วโลก โดยคาดเฟดอาจขยับดอกเบี้ยถึง 0.5% แนะจับตา 2 ปัจจัย พร้อมร่วมลุ้น 22 มี.ค.จะลงเอยอย่างไร
‘กอบศักดิ์’ ประธานบอร์ด พอช. หนุนเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง ส่งเสริมปลูกไม้มีค่าไร่ละ 2 ล้านบาท-สร้างป่าชุมชน-ฝายมีชีวิต
‘กอบศักดิ์ ภูตระกูล’ ประธานบอร์ด พอช. หนุนโครงการส่งเสริมชุมชนเข้มแข็ง สร้างเศรษฐกิจชุมชน โดยส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า ต้นละ 2-3 หมื่นบาท
'กอบศักดิ์' แนะช่วงนี้ถนอมตัวเพราะตลาดโลกผันผวนมาก!
'กอบศักดิ์' เผยช่วงนี้ลงทุนบาก เพราะตลาดโลกผันผวนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสหรัฐ หลังเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด ทำให้เดาใจเฟดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ขอให้ถนอมตัวไว้
น้ำมันตลาดโลกลดวันเดียว 8.1%
'กอบศักดิ์' เผยน้ำมันโลก 8.1%ในวันเดียวต้องลุ้นว่าจะลดนานแค่ไหน และต้องจับตาดูปั๊มในประเทศไทยจะปรับลงมากน้อยเพียงใด
'กอบศักดิ์' ชี้ท่าทีประธานเฟดเปลี่ยนไป
'กอบศักดิ์' วิเคราะห์เจาะลึกหลังเฟดแถลงข่าวขึ้นดอกเบี้ย บอกสุ้มเสียงและสำเนียงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนยังร้อนแรงคาดหวังศก.ฟื้น
FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง หลังยังคาดหวังเศรษฐกิจในประเทศฟื้นช่วยหนุน พร้อมจับตาสถานการณ์ระบาดของโอมิครอน-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน