กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้งแหล่งบงกช

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้ง (Asset Transfer Agreement หรือ ATA) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติ บงกช (แหล่งบงกช) ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ณ กระทรวงพลังงาน

9 พ.ย. 2564 นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า การลงนามข้อตกลงการส่งมอบ สิ่งติดตั้งฯ ในวันนี้ สืบเนื่องจากแปลงสำรวจปิโตรเลียมของแหล่งบงกชจะสิ้นอายุสัมปทาน เนื่องจากสิ้นสุดระยะเวลาผลิตที่ได้รับการต่อระยะเวลา โดยประกอบด้วยแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข 15 ที่จะ สิ้นอายุสัมปทานในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 และแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข 16 และ 17 ที่จะ สิ้นอายุสัมปทานในเดือนมีนาคม พฺ.ศฺ. 2566 ซึ่งตามข้อกำหนดในสัมปทานปิโตรเลียมข้อ 15 (4) ของสัมปทาน ประกอบกับข้อ 22 แห่งกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2559 ซึ่งออกตามความในมาตรา 80/1 และมาตรา 80/2 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมต้องส่งมอบทรัพย์สินตามที่กำหนดอันจำเป็นต่อการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา หรือขนส่งปิโตรเลียม หรืออันมีลักษณะที่ใช้เป็นสาธารณูปโภคที่ใช้ประโยชน์ได้ให้แก่รัฐบาลไทยโดย ไม่คิดมูลค่า โดยต้องส่งมอบสิ่งติดตั้งที่รัฐจะรับมอบเมื่อสิ้นระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม หรือสิ้นระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมที่ได้รับการต่อให้แก่รัฐโดยไม่คิดมูลค่าภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้ทำข้อตกลงระหว่างหน่วยงาน ของรัฐผู้รับมอบกับผู้รับสัมปทาน
โดยภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและอนุมัติรายการทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งที่ต้องส่งมอบให้แก่รัฐบาลไทยเมื่อแปลงดังกล่าวสิ้นอายุสัมปทานแล้วตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ดำเนินการหารือร่วมกับ ปตท.สผ. ในฐานะผู้ดำเนินงานแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมบงกชในปัจจุบัน ในการจัดทำร่างข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้งที่รัฐเลือกรับมอบ โดยผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการปิโตรเลียม รวมทั้งได้นำเสนอต่อสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อตรวจพิจารณาด้วย ซึ่งต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เห็นชอบให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลการประกอบกิจการปิโตรเลียมภายในประเทศ ดำเนินการลงนามในข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้งที่รัฐเลือกรับมอบต่อไป

ทั้งนี้ ก่อนการลงนามข้อตกลงฯ ปตท.สผ. ได้นำหลักประกันการรื้อถอนสำหรับสิ่งติดตั้งของแหล่งบงกชมาวางต่อกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติปิโตรเลียมและกฎกระทรวงฯ รวมทั้งเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่การรื้อถอนในสิ่งติดตั้งดังกล่าวแล้วด้วย

“สิ่งติดตั้งที่รัฐเลือกรับมอบในครั้งนี้ ประกอบด้วย แท่นอุปกรณ์การผลิตต่าง ๆ และแท่นที่พักอาศัย แท่นหลุมผลิต และสิ่งติดตั้งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิตปิโตรเลียม เช่น เรือเก็บน้ำมัน เป็นต้น โดยรัฐได้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่องในแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวเป็นสำคัญ เพื่อนำสิ่งติดตั้งดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาและผลิตทรัพยากรปิโตรเลียมที่เหลืออยู่ขึ้นมา ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/61 เพื่อรักษาความมั่นคงทางด้านพลังงาน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศต่อไป” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปตท.สผ. โชว์ 9 เดือน ส่งรายได้เข้ารัฐ 43,300 ล้านบาท

ปตท.สผ. เผยผลการการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 2567 การขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมีความก้าวหน้าขึ้นมาก ซึ่งจะช่วยขยายขีดความสามารถด้านต่าง ๆ ของบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต สำหรับ 9 เดือนแรกนี้ บริษัทสามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้กับรัฐประมาณ 43,300 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาประเทศ

ปตท.สผ. จัดงาน PTTEP KM Week 2024 แบ่งปันองค์ความรู้ ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และ น.ส.คณิตา ศาศวัตายุ (ขวา)

ปตท.สผ. เผยผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น

ปตท.สผ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 ประสบความสำเร็จในการขยายฐานการลงทุนในตะวันออกกลาง

ปตท.สผ. ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยอย่างต่อเนื่อง

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยนายชยากร เลี้ยงรื่นรมย์ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตรวจสอบ