![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/09/ซ้อม-วัตถุอันตราย.jpg)
‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง ขบ.คุมเข้มขนส่งวัตถุอันตราย จี้ผู้ขับขี่ 3 หมื่นคนทั่วประเทศ ยึดมาตรฐาน ‘สหประชาชาติ’ประเดิมซ้อมแผนฉุกเฉินพื้นที่ จ.ชลบุรี ครั้งแรกในไทย ก่อนขยายหัวเมืองใหญ่ครอบคลุมทุกภูมิภาค หวังเป็นผู้นำด้านบริหารจัดการฯ ในอาเซียน
2 ก.ย.2565-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการซ้อมแผนฉุกเฉินอุบัติเหตุรถขนส่งวัตถุอันตรายตามข้อกำหนดความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศทางถนนของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรปภายใต้สหประชาชาติ หรือข้อกำหนด ADR มุ่งสู่มาตรฐานสากล ควบคุมด้วยเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะความตกลงในภูมิภาคและได้ลงสัตยาบันในพิธีสารฉบับที่ 9 สินค้าอันตรายภายใต้กรอบความตกลงการขนส่งสินค้าผ่านแดนของอาเซียนในปี 2559 และได้มีการพัฒนา การควบคุม กำกับดูแล การขนส่งวัตถุอันตรายทางถนนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงแนวทางและข้อกำหนด ADR และมาตรฐานของสหประชาชาติ (UN) มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อลดความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้นำมาตรฐานของ UN มาประกอบการจัดทำใบอนุญาตขับขี่ และกำกับ ดูแลการขนส่งวัตถุอันตราย และขอความร่วมมือภาคเอกชน นำขั้นตอนการเผชิญเหตุที่กำหนด ไปประเมินสถานการณ์ เพื่อผู้ทดสอบผู้ขับขี่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยี GPS, การนำเทคโนโลยีการระบุตัวตนด้วยคลื่นความถี่ (RFID) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) มาประยุกต์ใช้ด้วย
![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/09/ขนส่งวัตถุอันตราย.jpg)
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ ขบ. ไปพิจารณาติดสัญญาณไฟบนรถขนส่งวัตถุอันตราย เพื่อให้เห็นในช่วงเวลากลางคืนอย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อใช้ความระมัดระวังในการขับรถ และมีความปลอดภัย นอกจากนี้ ให้ไปจัดทำคู่มือในรูปแบบ e-Book ที่นำรายละเอียดมาจากมาตรฐานของ UN เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถนำไปฝึกซ้อมกับผู้ขับขี่ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมีการฝึกซ้อมกับรถประเภทอื่นๆ และไปฝึกซ้อมในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต เป็นต้น
สำหรับการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมโลจิสติกส์ที่เพิ่มมูลค่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และเป็นสินค้าที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการบริหารการขนส่ง การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินที่ดี แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่ดีของภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และการเป็นประเทศชั้นนำด้านการบริหารจัดการขนส่งสินค้าอันตรายของอาเซียน
ดังนั้นโครงการนี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพนักงานขับรถ ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐานสากล อันจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ประเทศไทยได้พัฒนาเป็นประเทศผู้นำในประเทศสมาชิกอาเซียนในการนำเอาข้อกำหนด ADR มาปฏิบัติในประเทศ และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้ขับรถขนส่งวัตถุอันตรายต้องผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักสูตรที่ ADR กำหนดเพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ขับรถและผู้เกี่ยวข้องมีความรู้ครอบคลุมกระบวนการของการขนส่งวัตถุอันตราย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ทั้งนี้ ได้นำร่องกับรถและวัตถุอันตรายชนิดที่มีการขนส่งมากที่สุดก่อน ได้แก่ รถแท็งก์บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงและรถแท็งก์บรรทุกก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยได้เลือกพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งมีปริมาณและความถี่ในการขนส่งวัตถุอันตรายสูงสุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ โดยกิจกรรมในครั้งนี้พิจารณาว่า เป็นโครงการในระยะแรก เน้นให้ความสำคัญในส่วนของการซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติของพนักงานขับรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ได้จำลองสถานการณ์ให้ความรุนแรงของสถานการณ์อยู่ทั้งในระดับที่ 1 ซึ่งพนักงานขับรถสามารถดำเนินการบางอย่าง เพื่อลดผลกระทบได้เอง และขยับขึ้นเป็นระดับที่ 2 ซึ่งพนักงานขับรถต้องสื่อสารให้ข้อมูลกับหน่วยงานสนับสนุนจากภายนอกเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากนี้ ขบ. มีแผนจะเป็นหน่วยงานหลักในการให้องค์ความรู้แก่ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ประกอบการขนส่ง และหน่วยงานฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก ขบ. แจ้งว่า ปัจจุบันมีจำนวนพนักงานขับรถขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายประมาณ 30,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับใบรับรองรถขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ดันไทยสู่การเป็น Aviation Hub ภูมิภาค ตั้งเป้าติด TOP 20
นายกฯ ดันไทยสู่การเป็น Aviation Hub ภูมิภาค เผยสถิติ 8 เดือน มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินในไทย 81.05 ล้านคน คมนาคมตั้งเป้าผลักดันติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินระดับโลกในปี 72 รองรับผู้โดยสาร 210 ล้านคนในปี 77