1 ก.ย. 2565 -นายธนิต โสรัตน์ รองประธานกรรมการในเครือบริษัทวี-เซิรฟ กรุ๊ป และรองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง(ไตรภาคี) ได้บรรลุข้อตกลงปรับค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่มีผล 1 ต.ค. 65 ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มจังหวัด 9 โซนแตกต่างกันไปอัตราตั้งแต่ 4.18%-6.65% หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.02% ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับประเภทอุตสาหกรรมและบริการที่ใช้แรงงานเป็นสัดส่วนเท่าใด หากใช้สัดส่วนสูงก็กระทบมากดังนั้นธุรกิจที่มีการใช้แรงงานเข้มข้นและมีการแข่งขันราคาสูงและกำไรต่ำจะกระทบมากสุด
“แรงงานอาจมองว่าการปรับค่าแรงครั้งนี้เล็กน้อยไม่พอกับค่าค่าชีพที่สูงแต่สำหรับนายจ้างกลุ่มที่กำลังอ่อนแอจะยิ่งซ้ำเติมให้ไปไม่รอดจากต้นทุนต่างๆที่เพิ่มรอบด้าน ซึ่งหากคิดค่าจ้างขั้นต่ำโดยใช้เกณฑ์กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีผลต่อต้นทุนการผลิตราว 1.5-2% มากน้อยอยู่ที่จำนวนแรงงาน และผลกระทบที่มีต่อราคาสินค้าโดยทั่วไปจะอยู่ราว 1-1.5% ซึ่งหากดูแล้วผลกระทบอาจไม่มากแต่ท่ามกลางตลาดที่มีความไม่แน่นอนของกำลังซื้อโดยรวมที่ยังอ่อนแอภาคการท่องเที่ยวที่มีต่างชาติเข้ามาจับจ่ายใช้สอยสูงที่ก่อนหน้ามีถึง 40 ล้านคนปีนี้คงมาได้มากสุดแค่ไม่เกิน 10 ล้านคน ดังนั้น ผู้ประกอบการบางส่วนอาจไม่อยู่ในวิสัยที่จะปรับราคาสินค้าให้ครอบคลุมกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด”นายธนิต กล่าว
นอกจากนี้ ภาคการผลิตยังต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นที่ไม่ใช่แค่ค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่อาจส่งผ่านไปยังราคาสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ทั้งหมดได้แก่ ราคาวัตถุดิบต่างๆที่ต้องนำเข้าในราคาสูงจากผลกระทบห่วงโซ่การผลิตที่ชะงักงัน ภาวะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลงทำให้การนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ สูงขึ้น ราคาพลังงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงทั้งดีเซล ค่าไฟฟ้า และยังมีอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นต้นทุนทางการเงินที่เป็นขาขึ้นอีกด้วย
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงมากสุดเช่น ธุรกิจเกษตร-เกษตร แปรรูป, อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารพื้นฐาน, ธุรกิจก่อสร้าง, โรงแรมและที่พัก, ร้านอาหาร, โลจิสติกส์ , อุตสาหกรรม รับจ้างการผลิต, โรงงานสิ่งทอ, โรงงานทำเครื่องหนังต่างๆ ฯลฯ การเอาตัวรอดของผู้ประกอบการอาจต้องพิจาณาถึงการเพิ่มทักษะนำระบบ “Niche & Lean Process” เกี่ยวข้องกับการปรับกระบวนการทำงานและหรือกระบวนการผลิตให้กระชับ ลดขั้นตอนคอขวดต่างๆ ให้งานไม่สะดุดและให้มีส่วนสูญเสียในการผลิตต่ำสุด
“เทคโนโลยีง่ายๆ สำหรับเอสเอ็มอีเช่น การนำระบบสายพานลำเลียง ซึ่งมีตั้งแต่ระบบพื้นฐานแบบลูกกลิ้งไปจนถึงระบบออโตเมชั่น, เครื่องแพ็คกิ้ง-บรรจุภัณฑ์ ประเภทต่างๆ, การใช้แขนกลอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโรบอตประเภทหนึ่งมีตั้งแต่ระดับราคาครึ่งล้านไปจนถึงหลายล้านบาท เทคโนโลยีเหล่านี้ปัจจุบันถูกลงมาก เหล่านี้ล้วนเป็นทางเลือกหนึ่งในการที่จะลดการใช้แทนกำลังคนและลดผลกระทบต่อการขาดแคลนแรงงานไร้ทักษะที่ไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนมาก ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มเพื่อหลีกหนีตลาดล่างที่จะแข่งขันราคารุนแรง และใช้ดิจิทัลเป็นช่องทางเพิ่มการจำหน่าย” นายธนิต กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม. ไฟเขียวขึ้นค่าแรง 400 บาท ประเดิม 4 จังหวัด 1 อำเภอ มีผล 1 ม.ค.68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22
'พิพัฒน์' ให้ลุ้นประชุมบอร์ดไตรภาคีเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
'พิพัฒน์' ให้ลุ้นประชุมบอร์ดไตรภาคีเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำพรุ่งนี้ ย้ำทันปีใหม่แน่นอน ส่วนของขวัญปีใหม่ ก.แรงงานเข้า ครม.สัปดาห์หน้า
ปัดเตะถ่วง! นายกฯแพทองธาร ยันค่าแรง 400 บาท จะขึ้นภายในปีนี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนในเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทที่ดูเหมือนจะเลื่อนการจ่ายเงินจากวันที่ 1 ต.ค. 2567 ออกไป
ขึ้นค่าแรง 400 สะดุด! ไม่ทัน 1 ต.ค. 'บอร์ดไตรภาคี' เลื่อนยาว
'ปลัดแรงงาน' รับขึ้นค่าจ้าง 400 สะดุด ไม่ทัน 1 ต.ค. นี้ เหตุต้องรอ ธปท. ส่งตัวแทนคนใหม่ ร่วม คกก. ไตรภาคี
ถกค่าแรง 400 บาทล่ม ประชุม 3 ฝ่ายสะดุด!
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 เป็นประธานการประชุมบอร์ดค่าจ้าง ครั้งที่ 9/2567 ที่กระทรวงแรงงาน เพื่อพิจารณาปรับอัตรา