คลังเดินหน้าเกลี้ยหนี้ ม.28 มั่นใจ ก.ย.ต่ำกว่าเพดาน 35% ชี้รัฐตั้งงบชำระคืนแล้ว 1 แสนล้าน

“คลัง” เดินหน้าเกลี่ยหนี้ ม.28 แจงรัฐตั้งงบชดเชยแล้ว 1.04 แสนล้านบาท พร้อมบี้หน่วยงานเร่งปิดโครงการส่งตัวเลขคืน มั่นใจสิ้นก.ย. เหลือต่ำกว่าเพดาน 35% แน่นอน ลุ้นปิดหีบปีงบ 65 จัดเก็บเกินเป้าหมาย 4-6 หมื่นล้านบาท

29 ส.ค. 2565 – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด และตัวเลขทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 ในมาตรา 28 หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการขยายกรอบอัตรายอดคงค้างของภาระหนี้ที่รัฐบาลต้องชดเชย ตามมาตรา 28 จาก 30% เพิ่มเป็น 35% ของกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นระยะเวลา 1 ปีซึ่งการขยายกรอบเพดานหนี้ตามมาตรา 28 ดังกล่าวจะครบกำหนดภายใน 30 ก.ย. 2565

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลได้มีการตั้งงบชำระคืนในส่วนดังกล่าว วงเงินประมาณ 1.04 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันหน่วยงานต่าง ๆ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดโครงการที่ดำเนินการ หากโครงการไหนจบแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดโครงการ ก็ต้องเร่งปิดโครงการและส่งคืนตัวเลขกลับมา ซึ่งมีจำนวนเยอะมาก โดยเมื่อรวมกับงบชำระคืนที่รัฐบาลตั้งไว้ ก็เชื่อว่าจะทำให้เพดาหนี้ตามมาตรา 28 ปรับลดลงมาต่ำกว่า 35% อย่างแน่นอน

“ยืนยันว่าเพดานหนี้ตามมาตรา 28% จะลดลงมาต่ำกว่า 35% แน่นอน ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 34% กว่า ๆ แต่จะลดลงมาเหลือที่เท่าไหร่ยังตอบไม่ได้จริง ๆ เพราะมีตัวเลขที่เกี่ยวข้องเยอะ เฉพาะธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เองก็มีกว่า 96 โครงการแล้ว ขณะที่หน่วยงานก็ต้องไปดูว่ามีโครงการไหนที่ทำจบแล้ว ยังไม่ได้ปิดโครงการก็ต้องไปเร่งปิดโครงการและคืนตัวเลขในส่วนดังกล่าวมา ตรงนี้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา เราต้องกลับเข้าสู่วินัยการคลังจริง ๆ โดยหน่วยงานต่าง ๆ ต้องทยอยปิดโครงการและส่งคืนตัวเลขก่อนสิ้น ก.ย. นี้” นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 ชัดเจนแล้วว่าการใช้กรอบเพดานหนี้ตามมาตรา 28 นั้นจะลดลงอย่างแน่นอน เพราะมีโครงการบางส่วนที่เอาไปใส่ไว้ในงบประมาณปกติแล้ว อีกทั้งคาดหวังว่าราคาสินค้าเกษตรจะดีกว่าปีนี้ ก็จะเป็นปัจจุบันที่ช่วยเสริมทำให้ตัวเลขตามมาตรา 28 มีช่องว่างมากขึ้น

สำหรับภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2565 นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายอย่างน้อย 4-6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันจัดเก็บได้เกินเป้าหมายราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ คาดว่าเงินคงคลังจะขยับขึ้นไปแตะระดับ 5.5 แสนล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นภาพคล่องของรัฐบาลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้ โดยในช่วงต้นปีงบประมาณจะมีความต้องการใช้เงินเยอะ เพราะรายได้จากภาษีจะยังไม่เข้ามาเต็มที่ โดยจะเข้ามาช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ดังนั้นจึงต้องมีเงินคงคลังสำรองไว้

“ตอนนี้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพราะมีการลดภาษีเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล ดังนั้นก็ต้องมีการปรับลดเป้าหมายการจัดเก็บให้กรมสรรพสามิต ตามรายได้ที่กรมฯ เสียไปจากการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งหากบวกในส่วนนี้เข้าไปกรมสรรพสามิตก็จัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายอยู่แล้ว ส่วนจะมีการขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่ออีกหรือไม่ คงต้องคุยร่วมกับกระทรวงพลังงานด้วย รวมทั้งพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบ ทั้ง ราคาน้ำมัน ณ วันนั้นเป็นเท่าไหร่ สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าตอนนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังมีเวลาอีกพอสมควร” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

ส่วนกรณีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ… และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทนั้น ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า การกู้เงินต้องดูสภาพคล่องของหน่วยงานเป็นหลัก เพราะไม่ใช่ว่าขาดเท่าไหร่ก็กู้เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของกระแสเงินสดของหน่วยงานที่มีทั้งเข้าและออก ดังนั้นก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกู้ถึง 1.5 แสนล้านบาท ส่วนหนี้ของ สกนช. นับเป็นหนี้สาธารณะ แต่หน่วยงานจะต้องมีหน้าที่ในการชำระคืนเอง ตรงนี้เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธุ์' ต่อสายคุย 'กฤษฎา' ยืนยันลาออก

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายกฤษฎา จีนะวิจาร

'กฤษฎา' แจงลาออก รมช.คลัง ซัดขุนคลังคนใหม่ไม่ให้เกียรติ ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

หนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ส่งถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 พ.ค.67 มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกระผมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2567 นั้น กระผมขอเรียนว่า กระผมมีความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

‘กฤษฎา‘ เตรียมลาออกสมาชิกพรรค รทสช. สัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังและมีผลโดยสมบูรณ์แล้ว

นายกฯ คอนเฟิร์ม 'กฤษฎา' พ้น รมช.คลัง รอคุย 'รทสช.' ที่เพชรบุรี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ว่า ถือว่ามีผลเรียบร้อยแล้ว

'เอกนัฏ' นำทีมรทสช. ยินดี 'สุชาติ' นั่งเก้าอี้รมช.พาณิชย์ ยืนยันพรรคเหนียวแน่น

ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการลาออกของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง รวมทั้งกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค