'ธนารักษ์' หาช่องบี้ EASTW จ่ายผลตอบแทนท่อน้ำอีอีซีเพิ่ม

“ธนารักษ์” เตรียมถกอัยการหาช่องร้องศาลบี้ EASTW จ่ายผลตอบแทนเพิ่ม หลังขวางเซ็นสัญญากับวงษ์สยาม แจงเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ หลังทำสูญรายได้มหาศาล

5 ก.ค. 2565 – นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางกรณีมีคำสั่งทุเลาการบังคับดำเนินการในการเซ็นสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ระหว่างกรมฯ กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จนทำให้ต้องมีการเลื่อนเซ็นสัญญาในวันที่ 3 ส.ค. ออกไปชั่วคราว ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบ โดยกรมฯ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดภายใน 30 วัน ส่วนศาลจะพิจารณาตัดสินเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับทางศาล คงไม่สามารถบอกได้

นอกจากนี้ กรมฯ จะดำเนินการปรึกษาอัยการ กรณีที่จะขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐในระหว่างที่ไม่สามารถเซ็นสัญญากับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัดได้ โดยจะเสนอให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW จ่ายผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยให้จ่ายเท่ากับที่ EASTW เสนอในการประมูลครั้งสุดท้าย ส่วนเป็นจำนวนเท่าไหร่นั้นไม่สามารถบอกได้ จากเดิมที่บริษัทจ่ายอยู่ที่ 7% ของรายได้ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งกรมธนารักษ์ EASTW และวงษ์สยามก่อสร้าง ที่เสนอผลตอบแทนมาให้รัฐในอัตรา 27% ของรายได้

ทั้งนี้ การที่กรมฯ จะขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐ โดยให้ EASTW จ่ายผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้นในระหว่างที่ยังเซ็นสัญญาไม่ได้นั้น ถือเป็นการทำหน้าที่ของกรมธนารักษ์ เป็นการป้องกันไม่ให้มีประเด็นในภายหลังว่า กรมฯ ละเว้น เพิกเฉยไม่ปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์ เพราะต้องยอมรับว่า หากรมฯ สามารถเซ็นสัญญาได้ตามกำหนดที่วางไว้ รัฐก็จะได้ผลประโยชน์เข้ามามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“กรมฯ คงไม่สามารถที่จะไปกำหนดได้ว่า EASTW ต้องจ่ายผลตอบแทนในระดับ 27% เท่าที่วงษ์สยามก่อสร้างเสนอมา เพราะว่าอาจจะไม่เป็นธรรม จึงจะเสนอให้ EASTW จ่ายเท่าที่เคยเสนอมาในการประมูลครั้งสุดท้าย ส่วนจะดำเนินการได้หรือไม่ต้องปรึกษาอัยการก่อน ถ้าทำได้ก็จะรีบดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้มีส่วนได้และส่วนเสียทั้งหมด” นายประภาศ กล่าว

ส่วนกรณีที่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะไปร้องศาลเพื่อขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซีนั้น ก็สามารถทำได้ และเป็นหน้าที่ของบริษัท เพราะตอนนี้ถือว่าวงษ์สยามเป็นคู่กรณีอยู่ เนื่องจากตอนที่ EASTW ไปยื่นฟ้องต่อศาลในฐานะผู้ฟ้อง คณะกรรมการที่ราชพัสดุและกรมธนารักษ์ในฐานะผู้ถูกฟ้อง โดยระหว่างการพิจารณาศาลได้มีการเรียกวงษ์สยามในฐานะผู้ได้เสียเข้ามาเป็นคู่ความพร้อมกันไปด้วย ดังนั้น วงษ์สยามจึงมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการในส่วนดังกล่าวได้อยู่แล้ว

นายประภาศ กล่าวอีกว่า การที่กรมธนารักษ์เดินหน้าเซ็นสัญญาในโครงการท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซีนั้นเป็นไปตามกฎหมาย เพราะหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น สังคมได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้ว จึงมีการนัดเซ็นสัญญาในวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ในวันที่ 2 ส.ค. 2565 ทาง EASTW ได้ไปยื่นร้องต่อศาลให้คุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากกรมฯ ต้องรับฟังคำสั่งศาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

“กระทรวงการคลัง” ผุดอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ซอยสุขุมวิท 11

DAD ได้สิทธิ์พัฒนาอาคารสำนักงานและที่พักอาศัยของกรมสรรพากร ดีเดย์ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 หน่วยงาน กรมสรรพากร กรมธนารักษ์ และ ธพส. เตรียมผุดอาคารขนาด 17 ชั้น ซอยสุขุมวิท 11 มูลค่าโครงการเฉียด 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า 15 ปี