'วิโรจน์-ก้าวไกล' หนุนจ่ายหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่ให้หนี้พอกแสนล้าน จนถูกบีบให้ต่อสัมปทานกับ BTS ด้วยเงื่อนไขเสียเปรียบที่ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารราคาแพง หนุนสก.ใช้กลไกในสภากทม. อนุมัติงบฯเพื่อนำไปใช้หนี้ พร้อมแนะ4 ข้อให้ผู้ว่าฯแก้ไข
3ส.ค.2565- นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
[ก้าวไกลหนุนจ่ายหนี้รถไฟฟ้า ไม่ให้หนี้พอกแสนล้าน จนถูกบีบให้ต่อสัมปทาน]
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ กทม. ค้างจ่ายกรุงเทพธนาคม ทำให้กรุงเทพธนาคมค้างจ้าย BTS อีกทอดหนึ่ง ตั้งแต่ เม.ย.60-เม.ย.65 รวมทั้งสิ้น 35,459,486,964.87 บาท แยกเป็น
- ค่าเดินรถและซ่อมบำรุง = 17,609,605,690.59 บาท และ
- ค่าจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบเดินรถ เฉพาะส่วนต่อขยายที่ 2 (แบริ่ง-เคหะ และ หมอชิต-คูคต) = 17,849,881,274.28 ล้านบาท
.
ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เคยมีการประมาณการงบอุดหนุนส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่ปี 2562-2572 เอาไว้ที่ 9,001.60 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมา กทม. ไม่เคยมีการขออนุมัติงบอุดหนุนนี้จากสภา กทม. เลย พอส่วนต่อขยายที่ 2 มีแต่รายจ่าย แต่ไม่เคยมีรายได้ เพราะค่าโดยสารก็ไม่เคยเก็บ เงินอุดหนุนจาก กทม. ก็ไม่เคยได้ จึงทำให้ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีประชาชนตั้งข้อสันนิษฐานว่า “เป็นความจงใจที่จะบริหารส่วนต่อขยายที่ 2 ให้ขาดทุนเป็นหนี้ก้อนมหาศาล เพื่อให้ กทม. เสียเปรียบในการเจรจาต่ออายุสัมปทานกับ BTS หรือไม่”
.
อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ ในเมื่อแล้วงบที่ควรนำไปใช้หนี้ กลับไม่ถูกเอาไปจ่ายให้เจ้าหนี้ แล้ว กทม. เอางบก้อนนั้น ทั้งค่าจ้างเดินรถ และดอกเบี้ย รวมๆ กันปีละกว่า 6,000 ล้านบาท ไปทำอะไร ประชาชนได้ประโยชน์แค่ไหน ที่ผ่านมาควรเอางบที่ไปทำคลองช่องนนทรี คลองโอ่งอ่าง มาจ่ายหนี้ จะไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยๆ หนี้ที่มีอยู่ มันจะได้ไม่ถูกทบต้นทบดอก จนกลายเป็นหนี้ก้อนมหึมาแบบนี้
.
ผมประเมินคร่าวๆ อย่างนี้ว่า กทม. มีภาระเป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง ปีละ 3,522 ล้านบาท (หรือเดือนละ 293 ล้านบาท) สำหรับภาระดอกเบี้ย ถ้าคิดตามกฎหมายเดิมในอัตราร้อยละ 7.5 ก็ตกปีละ 2,659 ล้านบาท (หรือเดือนละ 222 ล้านบาท หรือวันละ 7.4 ล้านบาท) หรือถ้าคิดตามกฎหมายใหม่ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 (อัตราดอกเบี้ยกรณีไม่ได้ระบุ ร้อยละ 3 + ดอกเบี้ยปรับร้อยละ 2) ก็ตกปีละ 1,773 ล้านบาท (หรือเดือนละ 148 ล้านบาท หรือวันละ 4.9 ล้านบาท)
.
ผมเห็นด้วยกับผู้ว่าชัชชาติ ที่จะต้องหาทางทยอยชำระหนี้ก้อนหนี้ให้ได้ เพราะมิฉะนั้นหนี้ก้อนนี้ จะถูกทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ ซึ่งผมประเมินเอาไว้ว่าเมื่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวสิ้นสุดลง ในปี พ.ศ. 2572 กทม. จะเป็นหนี้ BTS สูงถึง 85,968-100,698 ล้านบาท แล้วด้วยหนี้ก้อนมหาศาลขนาดนี้ อาจทำให้ กทม. ต้องยอมต่ออายุสัญญาสัมปทานให้กับ BTS ด้วยเงื่อนไขเสียเปรียบ ที่ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าในราคาที่แพงอย่างไม่เป็นธรรม
.
ในเบื้องต้น ผมได้นำเอาปัญหานี้หารือกับ ส.ก.ก้าวไกล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส.ก.ก้าวไกล พร้อมที่จะใช้กลไกในสภา กทม. อนุมัติงบ และเงินสะสมให้กับผู้ว่า เพื่อนำไปใช้หนี้ก้อนนี้ แต่การแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องเสนอแนะท่านผู้ว่า และฝ่ายบริหารของ กทม. อย่างตรงไปตรงมาว่า
1. ผู้ว่าควรต้องหารือเรื่องนี้กับรัฐบาลโดยเร็ว เกี่ยวกับหนี้อีกก้อนหนึ่งที่มีมูลค่าสูงถึง 69,105 ล้านบาท ที่ทาง รฟม. ผลักภาระมาให้กับ กทม. อย่างไม่เป็นธรรม
2. ผู้ว่าควรต้องเร่งรัดทวงหนี้ ที่เกิดจากการที่รัฐบาลลดภาษีที่ดิน 90% ในปี 63-64 โดยรัฐบาลสัญญาว่าจะจ่ายชดเชยคืนให้กับ กทม. แต่ปัจจุบันรัฐบาลยังคงค้างจ่าย กทม. อยู่ถึง 30,000 ล้านบาท
3. ผู้ว่าควรเร่งวางแผนเพื่อ “เปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวใหม่” อย่างโปร่งใส มีการประเมินตัวเลขต่างๆ ทั้งประมาณการจำนวนผู้โดยสาร ประมาณการรายได้อื่นที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร และราคากลางต่างๆ ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง และแจ้งต่อรัฐบาลให้ยุติความพยายามที่จะต่ออายุสัญญาสัมปทานได้แล้ว
4. ผู้ว่า และฝ่ายบริหารต้องมีนโยบายในการเร่งรัดการจัดเก็บรายได้ จากนายทุนในเครือข่ายอุปถัมภ์ ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่เป็นอภิสิทธิ์ชน ที่หลบเลี่ยงการจ่ายภาษี และค่าธรรมเนียมให้กับ กทม. มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น
- ภาษีที่ดินที่ปัจจุบันนายทุนอสังหาริมทรัพย์หลบเลี่ยงการจ่ายด้วยการปลูกสวนกล้วยกลางเมือง
- ภาษีป้าย โดยเฉพาะป้ายดิจิตอล ที่มีการจ่ายค่าคุ้มครองให้กับผู้มีอิทธิพล แทนที่จะจ่ายให้กับ กทม.
- ค่าธรรมเนียมขยะ ที่ปัจจุบันรีดเก็บแต่ครัวเรือนผู้อยู่อาศัย แต่กลับปล่อยให้ห้างใหญ่ และร้านสะดวกซื้อตีตั๋วเด็ก จ่ายถูกอย่างไม่สมสัดส่วนกับปริมาณขยะที่เป็นภาระในการจัดเก็บของ กทม.
- ค่าบำบัดน้ำเสียที่โรงงานขนาดใหญ่ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงคูคลอง โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยกับสังคม
.
ถ้าการจัดเก็บรายได้ของ กทม. ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เน้นแต่การรีดเก็บเอาจากครัวเรือน และผู้ประกอบการรายเล็กๆ โดยปล่อยปละละเลย ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ และนายทุนเครือข่ายอุปถัมภ์ หลบเลี่ยง หรือจ่ายถูก ได้อย่างที่เป็นอยู่ ในท้ายที่สุด กทม. ก็จะจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าประมาณการ เมื่อรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แถมยังต้องแบกหนี้ก้อนมหาศาล ในท้ายที่สุด กทม. จะไม่มีงบประมาณมาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่มีงบประมาณมาพัฒนาเมือง ให้เป็นไปตามนโยบายของท่านผู้ว่า
.
อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ว่าอย่าได้กังวลใจ อะไรที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ส.ก.ก้าวไกลทุกคน พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของท่านผู้ว่าอย่างเต็มที่เสมอครับ
.
.
อ้างอิง:
https://www.prachachat.net/general/news-995938
https://data.bangkok.go.th/dataset/1700
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-995459
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-99654
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
สส.รทสช. จี้ ‘ผู้ว่าฯกทม.’ เร่งแก้ปัญหาคนแร่ร่อน นอนเกลื่อนถนนริมคลองหลอด
สส.เกรียงยศ จี้กทม.เร่งแก้ปัญหาคนแร่ร่อนนอนเกลื่อนถนนริมคลองหลอดใกล้ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแค่เอื้อม หวั่นชาวต่างชาตินำภาพไปเผยแพร่จะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับเมืองท่องเที่ยว ดักคออย่าโยนให้แต่กระทรวงพม.
เพื่อความสบายใจ 'สส.พรรคส้ม' แจงยิบ 3 ประเด็น ต้องฟ้องหมิ่นประมาท ปกป้องสาธารณะ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีปชน.จะฟ้องบุคคลที่กล่าวหาปชน.เป็นแนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็น ว่า