สตง.ตรวจสอบ 'คนละครึ่ง' พบผู้ใช้สิทธิต่ำกว่าเป้าหมาย-ใช้เงินไม่เป็นไปตามเงื่อนไข

2 ก.ค. 2565 – นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการคนละครึ่ง พบว่า จำนวนผู้ใช้สิทธิต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่โครงการฯ กำหนด โดยมีผู้ใช้สิทธิในระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4 จำนวน 9.98 ล้านคน/14.79 ล้านคน/26.35 ล้านคน/26.38 ล้านคน ตามลำดับ หรือคิดเป็น 99.76%/ 98.62%/ 94.10%/ 90.98% ตามลำดับ

ซึ่งแม้ว่าโดยภาพรวมจะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิมากกว่า 90% ของกลุ่มเป้าหมาย แต่การที่จำนวนผู้ใช้สิทธิต่ำกว่าค่าเป้าหมายตัวชี้วัดที่โครงการฯ กำหนด ประกอบกับผู้ใช้สิทธิบางรายไม่ได้ใช้จ่ายครบตามวงเงินที่ได้รับ ส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณไม่เป็นไปตามงบประมาณที่ขอรับจัดสรรไว้ ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.65 มีเงินงบประมาณคงเหลือที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายรวมทั้งสิ้น 23,153.14 ล้านบาท แม้ว่าเงินงบประมาณจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงการกันวงเงินงบประมาณ แต่หากการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดสูงเกินกว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิมาก จะทำให้เกิดค่าเสียโอกาสที่รัฐบาลจะนำเงินในส่วนนี้ไปใช้ในโครงการอื่นๆ ที่สำคัญและเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชน สังคม และเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

อนึ่ง โครงการ คนละครึ่ง เป็นหนึ่งในโครงการตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคของประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก โดยการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศอันจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวแบ่งเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่เดือน ต.ค.63 ถึงเดือน เม.ย.65 มีกลุ่มเป้าหมายในแต่ละระยะ ได้แก่ ประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 10 ล้านคน/15 ล้านคน/28 ล้านคน/29 ล้านคน ตามลำดับ รวมวงเงินที่ใช้ในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น 213,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่จำนวนผู้ใช้สิทธิไม่เป็นไปตามค่าเป้าหมายตัวชี้วัด เกิดจากสภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอกช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายภาครัฐเพื่อช่วยลดและป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การขอความร่วมมือจากประชาชนให้ทำงานที่บ้าน (Work from Home) ประกอบกับประชาชนมีความตระหนักในการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดในแต่ละรอบ จึงอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมโครงการฯ และจำนวนผู้ใช้สิทธิของโครงการฯ

นอกจากนี้ การใช้จ่ายเงินที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ จากการตรวจสอบพบว่ามีร้านค้าและประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ ได้จัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงการระงับสิทธิการใช้งานแอปพลิเคชัน และเรียกเงินคืนจำนวน 296 ราย ซึ่งการตรวจพบการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการที่มีความผิดปกติและนำไปสู่การสืบสวนขยายผลการกระทำผิด และแม้ว่าจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อป้องปรามการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการปรับปรุงพัฒนาแอปพลิเคชันเป๋าตังและถุงเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงตรวจพบการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อยู่เป็นระยะๆ

ทั้งนี้ สตง.มีข้อสังเกตว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ มีภารกิจหลักที่ไม่สอดคล้องกับโครงการฯ เมื่อตรวจพบผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารจำนวนมากจึงส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานภายใต้ภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ

ทั้งนี้ จากผลการตรวจสอบข้างต้น สตง.จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่กำกับดูแลและหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาจำนวนเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในระยะถัดไปให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้จำนวนเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการฯ ใกล้เคียงกับจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการจริงให้มากที่สุด ขณะเดียวกันในช่วงระยะเวลาดำเนินการควรกำหนดให้มีการติดตามและประมาณการจำนวนผู้ใช้สิทธิอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มการเบิกจ่ายงบประมาณและงบประมาณคงเหลือที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินโครงการและสิ้นสุดการดำเนินโครงการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรและดูแลงบประมาณสามารถวางแผนและบริหารจัดการงบประมาณคงเหลือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมถึงนำไปใช้ประโยชน์กับโครงการอื่นได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรอให้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการ เช่น การคืนวงเงินของผู้ที่ไม่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกภายในกำหนดระยะเวลา การทยอยคืนวงเงินของผู้ใช้สิทธิที่จะไม่สามารถใช้วงเงินเต็มจำนวนได้ทันกำหนดระยะเวลา

นอกจากนี้ กรณีที่มีการจัดทำโครงการลักษณะเดียวกันในระยะต่อไปควรมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจสอดคล้องกับโครงการฯ มาเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ และควรพิจารณาทบทวนแนวทางการสร้างความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการฯ โดยเน้นย้ำขั้นตอนในการลงทะเบียนหรือระหว่างการใช้งานแอปพลิเคชันแก่ประชาชนและร้านค้าให้ตระหนักรู้ว่ามีระบบการติดตาม ตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ และนำไปสู่การสืบสวนขยายผลการกระทำผิดได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รมว.ท่องเที่ยว' นำร่อง 'แอ่วเหนือคนละครึ่ง' แพจเกจกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางตรวจเยี่ยม พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ระหว่างวันที่ 11-12 ต.ค.67 ในสถานที่ท่องเที่ยว

ลากไส้พรรคเพื่อไทย เคยด่า 'คนละครึ่ง' ต่อให้สิ่งที่ทำดี ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จ้องโจมตี

จากกรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวว่า จะมีการฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง

'ธนกร' หนุน 'สรวงศ์' ฟื้น 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' ยุคลุงตู่

'ธนกร' หนุน 'สรวงศ์' ฟื้นคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกันสมัยรัฐบาล 'ลุงตู่' หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดัน 'ไทยเที่ยวไทย' ในประเทศบูมช่วงไฮซีซั่น เชื่อทำเงินสะพัดแน่ช่วงปลายปี

รทสช.จ่ออภิปรายงบปี 2568 แนะรัฐบาลต่อยอดโครงการลุงตู่!

รทสช. นัดประชุม สส. สัปดาห์หน้า เตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบ 2568-ประชามติ เน้นชี้แนะรัฐบาล จัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตพร้อมสะท้อนความต้องการประชาชน