กรมการค้าภายในเผยได้อนุมัติปรับราคาปุ๋ยหน้าโรงงานหลายสูตร ตามที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้าเสนอเข้ามา หลังต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น และยังได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง เงินบาทอ่อน เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลน พร้อมย้ำจะกำกับดูแลปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิดต่อไป
24 มิ.ย. 2565 – ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมฯ ได้อนุมัติให้มีการปรับราคาปุ๋ยหน้าโรงงานหลายสูตรตามที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้าเสนอมา โดยเป็นการปรับให้สอดคล้องกับต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะสงครามรัสเซียและยูเครน ราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่ง และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง
“ปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศเกือบ 100% เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้าสามารถนำปุ๋ยเข้ามาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนปุ๋ย จึงจำเป็นต้องอนุมัติให้มีการปรับราคา แต่การให้ปรับขึ้นราคา ได้ยึดนโยบาย “วิน-วิน โมเดล” ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้นำมาใช้ โดยคำนึงถึงทุกฝ่าย ให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน”ร.ต.จักรากล่าว
ทั้งนี้ กรมฯ จะติดตามและกำกับดูแลปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิดให้มีปริมาณเพียงพอและมีผลกระทบกับราคาจำหน่ายปลีกน้อยที่สุด
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในโอกาสที่คณะนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย จะเดินทางมาเยือนไทย ว่า ได้เชิญภาคเอกชนมาประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเตรียมการนำเข้าปุ๋ยอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่นายกรัฐมนตรีนำคณะภาครัฐและเอกชนเปิดสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย มีความคืบหน้าทั้งการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะไปเยือนซาอุดีอาระเบีย และจากนี้ไป จะเป็นกิจกรรมเชิงลึกด้านการค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มเติม
โดยประเด็นที่หารือในวันนี้ คือ การนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปกติไทยนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ คือ บริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ซึ่งมีผลผลิตปุ๋ยยูเรียปีละ 2.2 ล้านตัน และไทยเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท ซึ่งข่าวดีขณะนี้ ทางการซาอุดีอาระเบียได้เปิดโอกาสให้บริษัทที่ผลิตปุ๋ยอีก 2 บริษัทสามารถเจรจาขายปุ๋ยให้กับไทยได้ จะมี 3 บริษัทใหญ่นอกจาก บริษัท SABIC จะมีบริษัท MA’ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) และบริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia เป็นผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ลำดับต้นของซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ไทยได้มีการรวบรวมตัวเลขผ่านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้าปุ๋ยไทย เบื้องต้นมีความประสงค์ซื้อปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียรวม 8 แสนตัน เป็น ยูเรีย 5.9 แสนตัน ปุ๋ยฟอสเฟต 1.93 แสนตัน และปุ๋ยโพแทสเซียม 2.5 หมื่นตัน โดยในวันที่ 29 มิ.ย.2565 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัด Business Matching จับคู่ธุรกิจให้มีการพบกันระหว่างผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ 3 รายของซาอุดิอาระเบียกับผู้นำเข้าปุ๋ยของไทยทั้งหมดที่สนใจ ช่วยให้การเจรจาซื้อปุ๋ยจากซาอุดิอาระเบียเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหา 2 ข้อ คือ 1.ให้ไทยมีปริมาณปุ๋ยพอใช้สำหรับเกษตรกร มีหลักประกันมากขึ้น เพราะมีแหล่งนำเข้าพิเศษเพิ่มเติม และ 2.เรื่องของราคาให้เป็นหน้าที่ของเอกชนเจรจา หวังว่าจะได้ต้นทุนที่ต่ำลงเป็นกรณีพิเศษจากความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน
ส่วนอีกเรื่อง เป็นเรื่องที่ภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยมีหอการค้าไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อตอบรับกิจกรรมการค้าการลงทุนระหว่างกันในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค.2565 โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จะจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าของซาอุดีอาระเบียที่เดินทางเข้ามาไทยประมาณ 100 ราย และผู้ส่งออกไทยร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 120 ราย ที่ห้างไอคอนสยาม เพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างกัน หวังว่าจะเพิ่มยอดตัวเลขการส่งออกของไทยไปซาอุดิอาระเบียมากขึ้น ซึ่งมีสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งสาขาโทรคมนาคม ไอที ท่องเที่ยว อัญมณี อาหาร เสื้อผ้า แฟชัน สุขภาพความงาม และบริการโลจิสติกส์ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กำลังเดินหน้าเตรียมจัดกิจกรรมเจรจาการค้าสินค้าปุ๋ยกับ 3 บริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ทั้งบริษัท MA’ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตแร่ธาตุรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย บริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia ผู้ผลิตปิโตรเคมีและโพลิเมอร์รายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย และบริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ เช่น ปิโตรเคมี โพลิเมอร์ ปุ๋ย และโลหะรายใหญ่ของโลก เพื่อหาแหล่งนำเข้าอื่นทดแทนแหล่งเดิมที่มีปัญหาจากผลกระทบของสงคราม ป้องกันปัญหาปุ๋ยขาดแคลน ซึ่งปัจจุบันได้ประสานไปยังรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเพื่อพิจารณาแล้ว และได้รับคำยืนยันว่าซาอุดีอาระเบียยินดีที่จะส่งออกปุ๋ยมาตามจำนวนที่ประเทศไทยต้องการ
ปี 2564 การค้าไทย-ซาอุดีอาระเบีย มีมูลค่า 233,075 ล้านบาท ซึ่งไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย มูลค่า 51,500 ล้านบาท และนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย 181,524 ล้านบาท โดยปี 2565 คาดว่าจะส่งออกเพิ่มเป็นมูลค่า 54,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายดามพ์ บุญธรรม อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ ผู้แทนภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมหารือ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พาณิชย์คุยปิดฤดูกาลผลไม้ราคาพุ่งทุกรายการ มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท
ปิดฤดูกาลผลไม้ปี 67 อย่างงดงาม เกษตรกรยิ้ม ราคาพุ่งทุกรายการ ส่งออกผลไม้ 8 เดือนแรกเป็นบวก รวมมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท “พิชัย”สั่งเตรียมมาตรการเชิงรุกปี 68 ต่อ
'จุรินทร์' ซัดเต็มๆ ดิจิทัลฯ เป็นแค่น้ำข้าวต้มที่จะสร้างพายุหมุนหนี้ให้ประเทศ
'จุรินทร์' ซัดงบกลางปี 67 กู้มาแจกเงินหมื่นเท่านั้น ฉะโครงการล่าช้าเพราะความโหลยโท่ยของ รบ. ย้ำ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ได้ไม่คุ้มเสีย เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง