'บิ๊กตู่' ปลื้มไทยรั้งอันดับ 2 ประเทศน่าลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายกฯ ยินดีผลสำรวจ 'HSBC Navigator: SEA in Focus' ประจำปี 2022 นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพของไทย พร้อมส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค

15 มิ.ย.2565 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการสำรวจของธนาคาร "HSBC Navigator: SEA in Focus" ประจำปี 2022 และยืนยันรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกสนับสนุนการลงทุนให้แก่นักลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค ทั้งนี้ ธนาคาร HSBC ได้เผยผลสำรวจ HSBC Navigator: SEA in Focus ประจำปี 2022 รายงานว่า บริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ยังมั่นใจในการวางแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งบริษัทต่างชาตินิยมเลือกให้เป็นประเทศตัวเลือกสำคัญที่จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากถึง 23% เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศสิงค์โปร์

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากบริษัทต่างชาติมากกว่า 1,500 แห่ง จาก 6 ประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, สาธารณรัฐประชาชนจีน, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่างมีแนวโน้มที่จะวางแผนดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต เนื่องด้วยตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลากหลาย ทั้งมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะเติบโตขึ้น ถึง 3.8% ในปี 2565 แม้จะเผชิญความไม่แน่นอนและความท้าทายของโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีในประเทศอาเซียน โดยมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีเอดจ์ (Enhanced Data rates for Global Evolution: EDGE) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การชำระเงินทางดิจิทัล รวมทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต ประกอบกับเป็นประเทศที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้บริษัทต่างชาติให้ความสนใจขยายธุรกิจในไทย

“นายกฯ ให้ความสำคัญ เน้นย้ำการทำงานเพื่อส่งเสริมแนวทางสนับสนุนการลงทุนในประเทศด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ไทยผลักดันและตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้า และการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งนายกฯ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าตามแนวทางเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการในไทย โดยในการประชุมบอร์ดบีโอไอ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมได้เห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนกิจการนิคมหรือเขตอุสาหกรรมอัจฉริยะ และเพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการในประเทศไทย บีโอไอได้กำหนดให้นิติบุคคลต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยถือครองที่ดินเป็นที่ตั้งสำนักงานของกิจการได้ไม่เกิน 5 ไร่ ที่ดินเป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้บริหารผู้ชำนาญการต่างชาติได้ไม่เกิน 10 ไร่ และที่ดินเป็นที่พักอาศัยของคนงานได้ไม่เกิน 20 ไร่”นายธนกรกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน

นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้

เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ

เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน

'ธนกร' ชี้หลัง 22 พ.ย.ประเทศก็ยังเดินหน้าต่อ!

'ธนกร' มองทุกคดีศาล รธน.ยึดตามหลักกฎหมาย เชื่อการเมืองหลัง 22 พ.ย.นี้ประเทศต้องเดินหน้าต่อ ขอทุกฝ่ายอย่าคาดเดาจนอาจก้าวล่วงอำนาจ ฝากรัฐบาลเร่งทำผลงาน