‘คลัง’ หวังส่งออกขึ้นแท่นพระเอกเข็นเศรษฐกิจไทยปี 2565 โตตามคาดที่ 3% หลังไตรมาส 1 ส่งออกพุ่ง 15% สั่งเอ็กซิมแบงก์เตรียม 5 พันล้านบาท อัดฉีดสภาพคล่องอุ้มผู้ประกอบการ พร้อมกำชับ กนง. พิจารณาถี่ถ้วนก่อนขึ้นดอกเบี้ย ห่วงสร้างภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
7 มิ.ย. 2565 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า มั่นใจว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3% โดยภาคส่งออกจะยังเป็นพระเอกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากตั้งแต่ปี 2564 การส่งออกขยายตัวได้เป็นอย่างดี ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/2565 ที่การส่งออกขยายตัวสูงถึง 15%
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการหารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องถึงทิศทางและแนวโน้มการส่งออกของไทยหลังจากนี้ เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงกดดันจากปัญหาสงครามการค้า และปัญหาความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน ซึ่งภาครัฐได้เตรียมเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนเพื่อให้ยังสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
‘ได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ ได้เตรียมสภาพคล่องเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคการส่งออกในทุกกลุ่มให้มีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อดำเนินธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการเติมความรู้ในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ’ นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ตอนนี้ต้องยอมรับว่าทิศทางดอกเบี้ยในตลาดโลกเป็นช่วงขาขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยได้ขอให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้นานที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งที่ผ่านมา กนง. ได้มีการพูดชัดเจนว่า การจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงการฟื้นตัว ดังนั้น กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ต้องรักษาไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศจนเกินไป และไม่สร้างต้นทุนให้ผู้ประกอบการจนส่งผลกระทบต่อการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 เอ็กซิมแบงก์ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการความร่วมมือสนับสนุนผู้ประกอบการตลอด Value Chain ของภาคการส่งออก กับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รวมถึงสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) โดยเอ็กซิมแบงก์ได้เตรียมวงเงิน 5 พันล้านบาท สำหรับให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทางบน ทางเรือ หรือทางอากาศ อัตราดอกเบี้ยต่ำ 4.5% ต่อปี (ลดดอกเบี้ยจากปกติลง 0.5% ต่อปี) ในปีแรก โดยอนุมัติสินเชื่อเร็วภายใน 7 วันทำการ สามารถขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565
และร่วม MOUในโครงการความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้วยทักษะและสมรรถนะในโลกการค้ายุคใหม่กับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลับมหิดล (CMMU) โดยผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท. และ สรท. สามารถสมัครเข้าอบรมหลักสูตรที่เอ็กซิมแบงก์กำลังพัฒนาร่วมกับ CMMU โดยทั้ง 2 โครงการจะนำไปสู่การจับคู่ธุรกิจทั้งทางออนไลน์และรุกตลาดใหม่ โดยเฉพาะ CLMV ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่งออกไตรมาส 4 ส่อแผ่ว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในเดือน ก.ย. 2024 ยังขยายตัวบวกที่ 1.1% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา แต่ต่ำกว่า 3.0% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา ที่ตลาดคาดการณ์ โดยการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบขยายตัว 25.5% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา
ข่าวดี กรุงไทย ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25%
ธนาคารกรุงไทย ขานรับมาตรการภาครัฐ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MLR และ MRR พร้อมต่ออายุมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
เกษตรกรเฮ! ธ.ก.ส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุด 0.25%
ธ.ก.ส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุดร้อยละ 0.25 พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ส่งเสริมวินัยการออม
ค่าเงินบาทแข็งดีต่อการส่งออก ครูที่เคยสอนเศรษฐศาสตร์ได้ยินคงตกใจแทบสิ้นสติ
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาสถิติศาสตร์ สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า