กบน.เคาะดีเซลขึ้น 1 บาท สุดอั้นขยับขึ้น 2 สัปดาห์ติด หน้าปั๊มอยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร ลั่นยังอยู่ใต้เพดาน 35 บาท ด้าน สกนช. ใจป้ำลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มแก๊สโซฮอล์ 91-95 ลุ้นราคาขายปลีกเบนซินลด โอดฐานะกองทุนฯ ติดลบ 8.6 หมื่นล้านบาท
6 มิ.ย. 2565 – นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้ปรับราคาน้ำดีเซลขึ้น 1 บาท/ลิตร จากราคาแนะนำที่ 32.94 บาท/ลิตร เป็น 33.94 บาท/ลิตร มีผลเวลา 05.00 น. วันที่ 7 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการทยอยปรับขึ้น แต่ไม่เกินเพดาน 35 บาท/ลิตร เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก โดยกองทุนยังคงอุดหนุนครึ่งหนึ่ง จากราคาจริงหากไม่มีการอุดหนุนเลยดีเซลจะอยู่ที่ 42.81 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงมีความผันผวน ราคาน้ำมันดีเซล (Gas Oil) เมื่อ 2 มิ.ย. 2565 อยู่ที่ 158.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากเดิมสัปดาห์ก่อนเทียบกับวันที่ 27 พ.ค. 2565 อยู่ที่ 149.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นผลมาจากการออกมาตราการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่ตกลงจะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเชีย การเปิดประเทศของจีน ตลอดจนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐลดลงกว่า 1.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กบน.ยังปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนประเภทแก๊สโซฮอล 91 และแก๊สโซฮอล 95 ลง 0.93 บาท/ลิตร จากเดิมจัดเก็บ 1.02 บาท/ลิตร เหลือส่งเงินเข้ากองทุน 0.09 บาท/ลิตร E20 ปรับลดการจัดเก็บลงอีก 0.94 บาท/ลิตร จากเดิมจัดที่เก็บ 0.12 บาท/ลิตร ส่งผลให้กองทุนต้องชดเชยเงินให้กับ E20 ที่ 0.82 บาท/ลิตร เพื่อทำให้ราคาขายปลีกเบนซินลดลง
”ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินจะปรับลดลงเท่าไหร่นั้น ต้องดูว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเป็นอย่างไรในช่วงบ่ายวันนี้(6 มิ.ย.) หากราคาไม่มีการปรับลดลงเลย คาดว่าจะทำให้ราคาขายปลีกในประเทศลดลง 1 บาท/ลิตร แต่หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงเย็นวันที่ 6 มิ.ย. ราคาเบนซินก็อาจปรับลดได้ไม่ถึง 1 บาท/ลิตร ขณะที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 มิ.ย.2565 ติดลบ 86,028 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ติดลบ 35,881 ล้านบาท“นายวิศักดิ์ กล่าว
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่าการปรับลดราคาเบนซิน ส่วนหนึ่งเพราะเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นราคาขายปลีกถึงประมาณ 10 ครั้ง ปรับลดลงเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น กบน. จึงมองว่าอาจทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงมีการพิจารณาปรับลง โดยเบื้องต้นมีระยะเวลาไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ก่อน หลังจากนั้นจะพิจารณากันอีกครั้ง
“มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 22 มี.ค.2565 กำหนดว่าภายในเดือนก.ค. 2565 จะไม่มีการชดเชยดีเซลเลย ดังนั้น รมว.พลังงาน ขอให้ กบน.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูว่าหลังสิ้นสุดเดือนมิ.ย.นี้ รัฐจะมีแพกเกจช่วยเหลือประชาชนอย่างไร ภาระที่เข้ามาดูแลจะเป็นเท่าใด ซึ่งต้องดูไปถึงทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกด้วยว่าจะสูงยืดเยื้อไปมากน้อยเพียงใด โดยยอมรับว่าราคาน้ำมัน และก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ที่สูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ซึ่งราคาแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มแม้จะปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นมาอยู่ที่ 363 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม(กก.) แต่รัฐก็ยังชดเชยอยู่ประมาณ 13 บาทกว่า/กก. คิดเป็นเงิน อุดหนุน 1,600 บาท/เดือน ดังนั้นต้องดูนโยบายว่าจะขึ้นอีกหรือไม่อย่างไร”นายพรชัย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการจัดหาเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ จากที่ขณะนี้มีเงินหมุนเวียนเพียง 1 หมื่นล้านบาทนั้น อยู่ในระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1 การกู้เงินจากสถาบันการเงิน 2 หมื่นล้านบาท และ 2.การใช้เงินงบประมาณ จากภาครัฐที่เข้ามาดูแลตามมติ ครม.วันที่ 22 มี.ค.2565 จะมีการใช้เงินดูแลดีเซลประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท และดูแลแอลพีจีประมาณ 3.6 พันล้านบาท เงินส่วนนี้ก็จะมีการเสนอขอใช้งบฯภาครัฐมาเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ เพราะนับเป็นการดำเนินการตามนโยบายภาครัฐ