ประชาชนแห่สนใจติดโซลาร์รูฟขายไฟให้รัฐ กกพ.ชี้มีมากกว่า 1,000 ราย

กกพ.เปิดแผนลุยโครงการโซลาร์ภาคประชาชนปี 65 มั่นใจประชาชนจ่อเข้าร่วมเพียบ หลังสรุปยอดโครงการล่าสุดตั้งแต่ปี 62 มีผู้เข้าร่วมซื้อขายไฟแล้วหลัก 1,000 ราย ปริมาณรวมกว่า 7 เมกะวัตต์

30 พ.ค. 2565 – นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากกกพ. มีมติเห็นชอบประกาศการรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ปี 2565 เป้าหมาย 10 เมกะวัตต์ ต่อเนื่องจากการดำเนินการในปี 2564 เพื่อสอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565

ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสงค์จะขายไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ส่วนเกินให้กับสายส่งของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 5 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 5 เมกะวัตต์ ในราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 10 ปี และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัญญา (ซีโอดี) ภายใน 270 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และหากดำเนินการไม่ทันตามกำหนดให้ยื่นหนังสือถึงการไฟฟ้าแจ้งความพร้อมเพื่อขอขยายเวลาได้อีก 90 วันก่อนยกเลิกสัญญา

อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เองโดยติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปในบ้าน ที่อยู่อาศัยเพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและสามารถนำส่วนที่เหลือมาขายเข้าระบบได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้า ด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผันผวน และมีราคาสูงจากผลของภาวะวิกฤตการณ์ราคาพลังงานโลกที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้โดยคาดว่าปีนี้ ประชาชนน่าจะมีความสนใจมากกว่าเดิม เพราะด้วยความคุ้นชินแล้วจากการเปิดรับซื้อตั้งแต่ปี 2562 บวกกับที่กกพ.ได้ปรับราคารับซื้อและกฏระเบียบเพื่ออำนวยตวามสะดวกมากขึ้น

“ประชาชนน่าจะคุ้นเคยในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะดูจากเทรนด์ราคาพลังงาน ประชาชนน่าจะสนใจมากขึ้น โดยข้อมูลที่ผ่านมาประชาชนเข้าโครงการไม่น้อยราว 1,000 ราย แต่จำนวนเมกะวัตต์ยังน้อยรวมราว 7 เมกะวัตต์ เฉลี่ย 1 ราย ขายไฟอยู่ที่ระดับ 5 กิโลวัตต์ เนื่องจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเมื่อตรวจรีดเดอร์จะกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 10 กิโลวัตต์ แต่ส่วนใหญ่จะได้ 5 กิโลวัตต์”นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช กล่าวว่า ในอดีตประชาชนที่ติดตั้งโซลาร์บนหลังคาจะนิยมติดตั้งไว้ใช้เอง แต่ปัจจุบันเมื่อมีนโยบายรับซื้อจากภาครัฐ ประชาชนจะเห็นประโยชน์จากการติดตั้งใช้เองแล้วขาย เพราะถ้าติดใช้เองแล้วไม่ขายจะถูกล็อคไม่ให้ไฟไหลย้อนกลับมา ฉะนั้น เวลาไม่ใช้ไฟอินเวอร์เตอร์ (Inverter) จะไปล็อคไม่ให้มีการผลิตไฟฟ้า ถือว่าไม่มีประโยชน์หรือถ้าไฟไหลออกไปก็ไม่ได้เงิน ดังนั้น โครงการโซลาร์ภาคประชาชนเมื่อติดแล้วขายไฟจะเป็นการช่วยให้มีรายได้ด้วย

“การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตามที่อยู่อาศัยถือเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนมากกว่าว่า ช่วยประหยัดไฟฟ้าในช่วงกลางวัน หรือต้องการเรื่องสิ่งแวดล้อม การติดตั้งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้งความคุ้มทุน หากเน้นใช้กลางคืนจะติดระบบแบตเตอรี่ (ESS) ที่ต้องลงทุนเพิ่ม พร้อมโครงสร้างที่เอื้อต่อการติดตั้ง มองว่าค่าไฟฟ้าปี 2565 ที่ปรับตัวสูงจะทำให้ประชาชนสนใจติดตั้งมากขึ้น”นายคมกฤช กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธุ์' แย้มข่าวดี! ตรึงค่าไฟ 3.99 บาท กลุ่มเปราะบาง

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและพลังงาน กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนภายหลัง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค. -เม.ย. 2567