![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/05/ดนุชา.jpg)
‘สภาพัฒน์’เปิดตัวเลขไตรมาส 1/65 อัตราว่างงานลดต่ำลงเหลือ 1.53%การจ้างงานฟื้นตัว 3% ต่ำสุดตั้งแต่เกิดโควิด-19ห่วงเด็กจบใหม่ยังตกงานสูง ส่วนไตรมาส 4/64 พบว่าหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.58 ล้านล้านบาท สั่งจับตาการฟื้นตัวจ้างงานภาคท่องเที่ยวเร่งหาแนวทางดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศให้มากที่สุด
23 พ.ค.2565-นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส1/2565 พบความเคลื่อนไหวสำคัญภาพรวมสถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 1.53% ต่ำที่สุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 หนี้สินครัวเรือนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการชำระหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับการเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับด้านการก่ออาชญากรรม และอุบัติเหตุจราจรทางบก
สำหรับสถานการณ์แรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น การจ้างงานที่ขยายตัวได้ดีทั้งในและนอกภาคเกษตร ชั่วโมงการทำงานปรับตัวเพิ่มขึ้น การว่างงานในภาพรวมมีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับการว่างงานในระบบสถานการณ์แรงงานไตรมาส1/ 2565 ภาพรวมการจ้างงานมีจำนวนทั้งสิ้น 38.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกภาคเกษตรกรรม โดยการจ้างงาน ภาคเกษตรกรรม มีจำนวน 11.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น3.0%จากการเพิ่มการผลิตสินค้าเกษตรในกลุ่มพืชสำคัญ
ทั้งนี้ในส่วนนอกภาคเกษตรกรรมมีการจ้างงาน 27.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.0% โดยสาขาที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาการผลิต เพิ่มขึ้น 2.6% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงสุดในช่วงโควิด-19 และการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สำหรับสาขาการขายส่ง/ขายปลีก และสาขาการขนส่ง/เก็บสินค้า ขยายตัวได้5.8% และ 16.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามขณะที่ สาขาก่อสร้าง และสาขาโรงแรม/ภัตตาคาร มีการจ้างงานลดลงที่ 1.1% โดยการลดลงของจ้างงานสาขาโรงแรม/ภัตตาคาร ส่วนหนึ่งเกิดจากการระบาดของ โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในไตรมาส1/2565 ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีจำนวนไม่มาก โดยมีเพียง 5.0 แสนคน จากปกติที่มี 9 – 10 ล้านคน ชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาพรวมและภาคเอกชนที่ 40.8 และ 43.8% ชั่วโมง/สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้เสมือนว่างงานที่ในไตรมาส1/2565 มีจำนวนถึง 3.8 ล้านคน
ขณะที่ผู้ทำงาน 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไป หรือกลุ่มทำงานล่วงเวลามีแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่าช่วงปกติ โดยมีจำนวนผู้ทำงานล่วงเวลา 5.7 ล้านคนในไตรมาส1/2565 จากช่วงปกติประมาณ 6-7 ล้านคน การว่างงานปรับตัวดีขึ้น โดยผู้ว่างงานมีจำนวนทั้งสิ้น 6.1 แสนคน ลดลงจาก 7.6 แสนคนในช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจาก 6.3 แสนคนในไตรมาสก่อนหน้า หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานที่1.53% ต่ำที่สุดในช่วงโควิด-19 เช่นเดียวกับการว่างงานในระบบที่ลดลงต่อเนื่อง โดยผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน มีจำนวน 305,765 คน คิดเป็นอัตราการว่างงานในระบบที่ 2.7%
ทั้งนี้ในส่วนหนี้สินครัวเรือนล่าสุด ข้อมูลไตรมาส 4/2564 พบว่าหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.58 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.9% ชะลอลงจาก4.2% ของไตรมาสก่อนหน้า หนี้สินครัวเรือนขณะนี้คิดเป็นสัดส่วน 90.1%ต่อ GDP ซึ่งสินเชื่อที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง เช่น สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขยายตัว 5.0% จาก 5.8% ในไตรมาสก่อน และสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ ขยายตัว6.5%จาก 7.6% ในไตรมาสก่อน
ส่วนสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อยานยนต์ ขยายตัว 1.2% จาก0.3% ในไตรมาสก่อน จากการส่งเสริมการขายช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป (ช่วงสิ้นปีที่แล้ว) ขณะที่สินเชื่อจากบัตรเครดิต ขยายตัว 1.6% จากการหดตัว 0.5% ในไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ ซึ่งเป็นสินเชื่อในกลุ่มเช่าซื้อ และ ลิซซิ่ง ที่ขยายตัวมากถึง 21.6%
สำหรับความสามารถในการชำระหนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้เสียจากหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค มีมูลค่า 1.43 แสนล้านบาท ลดลง 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อน4.0% คิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.73 แต่ยังต้องเฝ้าระวังหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากมีสินเชื่อค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ต่อสินเชื่อรวมสูงถึง11.08% มูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด เพราะครัวเรือนไทย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย สภาพคล่องต่ำ มีฐานะการเงินที่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่หดตัวยาวนาน , รายได้ครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัว แม้จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นแต่ชั่วโมงการทำงานยังไม่ปกติ และ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ครัวเรือนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่าสนใจ คือผู้ว่างงานที่ ไม่เคยทำงานมาก่อนยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวน 2.6 แสนคน เพิ่มสูงขึ้น 5.2 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับผู้ว่างงานที่มีประสบการณ์ทำงานที่เริ่มปรับตัวลดลงผู้ว่างงานระยะยาวยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนถึง 1.7 แสนคน และ การว่างงานในกลุ่มแรงงานที่จบการศึกษาสูงยังอยู่ในระดับสูงอัตราการว่างงานของผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอยู่ที่ 3.1%
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในระยะถัดไป ได้แก่ 1.การฟื้นตัวของการจ้างงานภาคท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยแม้จะมีแนวโน้มดีขึ้นจากโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ แต่สัดส่วนรายจ่ายยังไม่สามารถชดเชยการหายไปของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ จึงต้องให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศให้มากที่สุด
2.ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าต่อค่าครองชีพของแรงงาน และการจ้างงานเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 จากราคาน้ำมัน และปัจจัยการผลิตในสินค้าบางชนิดที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของแรงงาน รวมทั้งอาจกระทบต่อการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมจากราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น และการจ้างงานสาขาขนส่งจากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและ 3. การหามาตรการแก้ไขปัญหาการว่างงานระยะยาวและการว่างงานของผู้จบการศึกษาใหม่ ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น 0.6% โดยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น1.8% ขณะที่การบริโภคบุหรี่ลดลง 1.3% อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปต้องให้ความสำคัญกับ 1. การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการให้สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA PLUS หรือ Thai Stop Covid 2 Plus ได้ ซึ่งอาจทำให้การบริโภคเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 จึงต้องควบคุมและตรวจสอบ การให้บริการของร้านอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด
2.การรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ในบ้าน จากข้อมูลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 23.7%มีการสูบบุหรี่ในตัวบ้าน ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกในครัวเรือนได้รับควันบุหรี่มือสองและมือสาม ซึ่งมีสารพิษและสารก่อมะเร็งจำนวนมาก และ 3. การเร่งรัดปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ปัจจุบันมีการโฆษณาและจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างแพร่หลาย ทำให้เยาวชนสามารถเข้าถึงและซื้อมาบริโภคได้ง่าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ไหวแล้ว 'เศรษฐา' จ่อเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดพิเศษ หลังรู้จีดีพีไทยโตต่ำสุดในอาเซียน
“เศรษฐา” เรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดพิเศษ 27 พ.ค.นี้ หลังจีดีพีไทยไตรมาสแรกโตต่ำสุดในอาเซียน
ย้อนเจ็บ! คนวิพากษ์ 'ธปท.' ด้วยตรรกะตื้นเขิน ต้องโดนวิจารณ์ได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า แบงก์ชาติ วิจารณ์ได้
'กุนซือนายกฯ' กระทุ้งอีก! 'ธปท.' ต้องเร่งลดดอกเบี้ย
'พิชัย' ห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ หลังเงินเฟ้อติดลบ 5 เดือนซ้อนสวนทางโลก จี้ ธปท. หั่นดอกเบี้ยนโยบาย ลดช่วงห่างเงินกู้เงินฝาก ตามสภาพัฒน์ฯ แนะนำ