19 พ.ค. 2565 – นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “KC” ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวราบด้วยคุณภาพอย่างมั่นคงที่ก้าวสู่ปีที่ 40 เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ต้องถูกระงับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นเวลากว่า 5 ปี ผมและทีมงานได้พยายามแก้ไขปัญหาจนสำเร็จลุล่วง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สอบบัญชี และหน่วยงานกำกับดูแลฯ บรรษัทจดทะเบียน ตลอดจนท่านผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จนผู้สอบบัญชีให้ความไว้วางใจ และทำการตรวจสอบบัญชีและรับรองงบการเงินให้บริษัทมาจนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของธุรกิจบริษัทมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงทำเลดี ในราคาที่คุ้มค่า โดยมีแผนที่จะกระจายความเสี่ยง ไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้แก่บริษัทฯ และท่านผู้ถือหุ้น ผมและทีมงานเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นต่อเค.ซี.ฯ ว่าจะกลับมาเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ธุรกิจมีความยั่งยืนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างมั่นคงต่อไป
นายสันติ กล่าวว่า เป้าหมายหลักของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกที่สำคัญที่สุดคือ การพยายามกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งบริษัทได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทุก ๆ ฝ่ายจนสามารถกลับมาได้สำเร็จในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจุดนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ทุก ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นทุก ๆ ท่าน ซึ่งผ่านความยากลำบากตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พนักงาน คู่ค้า สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลฯ เมื่อทุกฝ่ายมั่นใจในตัวบริษัทสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนออกมาเป็นภาพรวมของธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งบริษัททำผลงานออกมาได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นที่ดีของ เค.ซี.
สำหรับการลงทุนของบริษัทฯ ด้านพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทยังคงเตรียมจะพัฒนาโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในรูปแบบที่แตกต่างออกไป มองว่าปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทฯ กลับมาแข็งแกร่ง และสามารถทำกำไรได้ เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการทำงานตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากในอดีตบริษัทฯประสบกับปัญหาการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจทั้งกระบวนการด้วยกลยุทธ์ FAST Process ซึ่งส่งผลทำให้กลไกของธุรกิจคล่องตัวขึ้น
นอกจากนั้นยังพยายามลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสุดท้ายบริษัทพยายามปรับปรุงและพัฒนา Design และ Function ในโครงการหลัก ๆไปควบคู่กัน เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งผลให้อัตรากำไรต่อหน่วยในโครงการหลัก ๆ ของบริษัทดีขึ้น จึงส่งผลทำให้งบการเงินของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ของปี 2565 ดีขึ้น สามารถสร้างรายได้รวมทั้งสิ้นมูลค่า 81.64 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากไตรมาสแรกปีก่อนหน้าถึง 706% (รายได้ไตรมาสแรกปี 2564 เท่ากับ 11.55 ล้านบาท)
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและดำเนินการขายอยู่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,399 ล้านบาท สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบต่อไป โดยพยายามพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีความสนใจในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับบริษัทฯ
“โดยแผนธุรกิจตลอดทั้งปี 65 บริษัทฯ ดำเนินการพัฒนาโครงการต่าง ๆ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ซึ่งอาคารพาณิชย์เป็นโปรดักส์ตัวใหม่ ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ได้แก่ โดยการติดตั้งแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังคงมองหาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีเพื่อสร้างความสุขแก่ผู้อยู่อาศัย สอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลกที่มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ระบบประหยัดพลังงาน การดูแลด้านสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และระบบอื่น ๆ มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน” นายสันติ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.เคาะแพ็กเกจใหญ่ช่วยเหลือ 'ลูกหนี้รายย่อย-เอสเอ็มอี'
ครม. อนุมัติชุดใหญ่! จัดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ผู้ประกอบการ SMEs มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นแน่
ALPHASEC ปลื้ม 'ดีป้า' รับรองเป็นหน่วยตรวจตราสัญลักษณ์ dSURE
ALPHASEC ได้รับการรับรองในเครือข่ายตราสัญลักษณ์ dSURE ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
NT ประกาศเยียวยาลูกค้ากรณีบริการอินเทอร์เน็ตขัดข้อง
พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่าจากเหตุระบบการให้บริการ NT Broadbandขัดข้องและส่งผลกระทบต่อการใช้บริการในบางพื้นที่