พิษน้ำมันแพงทุบธุรกิจขนส่งอ่วม 'คมนาคม' จ่อเร่งออกมาตรการชุดใหญ่ช่วยพยุง

หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่มีการปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ราง น้ำ และอากาศ แบกรับภาระการขาดทุนไม่ไหว ทำให้ต้องออกมาขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กระทรวงคมนาคม เข้ามาพิจารณาช่วยเหลือ พร้อมขอปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ปรับสูงขึ้นอย่างมาก เพื่อให้กิจการสามารถเดินหน้าต่อไป มิฉะนั้นจะต้องเลิกกิจการทำให้เจ๊งทั้งระบบ

โดยเฉพาะกลุ่มรถขนส่งสาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องมาร่วม 2 ปี เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เศรษฐกิจ การเดินทาง ทำท่าจะฟื้นตัวก็มาโดนราคาน้ำมันที่พุ่งสูงลิ่วซ้ำเข้าอีก ซึ่ง นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า นอกจากผลกระทบจากโควิด-19 แล้ว ยังต้องเจอกับน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเดินรถได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งบริษัทเชิดชัยทัวร์ที่มีรถอยู่กว่า 200 คัน วิ่งทั้งสายภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนนี้เหลือรถวิ่งอยู่แค่ 20-30% เท่านั้น อีกประมาณ 70% ต้องหยุดวิ่ง จอดรถทิ้งไว้ที่อู่มานานกว่า 2 ปีแล้วเพราะขาดทุน เนื่องจากไม่มีผู้โดยสารและราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ทำให้วิ่งรถไม่คุ้มกับค่าโดยสาร ขณะนี้ได้ประกาศจะขายกิจการเดินรถโดยสารของบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 65 ปี เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง 

“โดยเฉพาะรถที่วิ่งสายยาว กรุงเทพฯ ไปจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ ตอนนี้หยุดวิ่งเกือบ 100% เหลือเพียงสายสั้น กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และจังหวัดทางภาคตะวันออก เนื่องจากว่าหากนำรถออกวิ่งทุกคันต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4 ล้านบาท อีกทั้งค่าแรงคนงาน ค้าจ้างพนักงาน ค่าจิปาถะที่ต้องจ่ายอีกจำนวนมาก” นางสุจินดา กล่าว

นางสุจินดา กล่าวว่า ในส่วนสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยราคาน้ำมันที่ขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร จะขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ เนื่องจากไม่ได้ปรับอัตราค่าโดยสารมานาน และราคาค่าโดยสารไม่สอดคล้องราคาน้ำมันดีเซล เพราะราคาค่าโดยสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันอิงจากราคาน้ำมัน 27.79 บาทต่อลิตรตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ทำให้ต่างกันประมาณ 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรปรับเพิ่มขึ้นอีก 5 สตางค์ และอนาคตดีเซลจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล 

เช่นเดียวกับ นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย ระบุว่า อัตราค่าโดยสารที่กรมฯ ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบันประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.62 คือ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตรต่อคน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 40 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาโดยตลอด ดังนั้นได้ยื่นหนังสือให้กรมฯ พิจารณาทบทวน หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร

ด้านเรือโดยสาร ซึ่งถือว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่มีความสำคัญสำหรับการเดินทางอีกระบบหนึ่ง โดยเฉพาะเรือโดยสารที่ให้บริการที่คลองแสนแสบ ซึ่ง นายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการบริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) ผู้ให้บริการเดินเรือคลองแสนแสบ กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับขึ้นลงตามตลาดโลก ปัจจุบันมีเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาปรับสูงขึ้นอีก แม้จะเป็นปัจจัยชั่วคราวแต่ก็ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนหลักถึง 55%

ดังนั้นจึงได้ทำหนังสือถึงกรมเจ้าท่า (จท.) ขอปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างน้อยระยะละ 1 บาท จากปัจจุบันบริษัทเก็บค่าโดยสารอยู่ที่ราคา 9-19 บาทตามระยะ ขอปรับขึ้นเป็น 10-20 บาทตามระยะ และหากราคาดีเซลปรับเพิ่มขึ้นอีก บริษัทจะปรับขึ้นอีก 1 บาท เป็น 11-21 บาทตามระยะ ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารจะได้ปรับขึ้นกี่บาทและเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่วันที่เท่าใดขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามภาครัฐต้องตัดสินใจเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ และหามาตรการดูแลประชาชน แต่ที่ผ่านมาภาครัฐยังไม่มีแนวทางดำเนินการใดๆ 

     ด้านสายการบิน แม้ยังไม่มีการยื่นหนังสือเรียกร้องถึงผลกระทบ แต่ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้มีการหารือกับสมาคมสายการบินประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับสายการบินหลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Charge), ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ฯลฯ และกระทรวงคมนาคมและสายการบินก็ได้มีการติดตามสถานการณ์ด้านราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด

ซึ่ง นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. (CAAT) ขอหารือในการพิจารณาให้สายการบินกลับมาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) โดยคิดรวมกับค่าบัตรโดยสาร สำหรับเส้นทางบินในประเทศเหมือนกับที่เคยใช้มาในอดีต เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างมากจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ทำให้สายการบินต่างๆ มีต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น และยังทำให้สายการบินสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน

ในขณะที่ ภาครัฐได้มีการประชุมหารือมาตรการเยียวยาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ซึ่ง นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) กล่าวว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการเยียวยาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนดังนี้ การขนส่งทางบก โดยกรมการขนส่งบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะเสนอขอรับการอุดหนุนค่าน้ำมันดีเซลให้ผู้ประกอบการขนส่ง 60 ลิตร/วัน/คัน ที่ราคา 2 บาท/ลิตร คิดเป็น 120 บาท/วัน/คัน ระยะเวลา 3 เดือน วงเงินรวม 3,607 ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านการขนส่งสินค้า 2,592 ล้านบาท และด้านการขนส่งผู้โดยสาร 1,015 ล้านบาท นอกจากนี้จะเสนอมาตรการทางภาษี โดยจะเสนอขอปรับลดภาษีประจำปี 90% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรถสาธารณะ 170,000 คัน

การขนส่งทางน้ำ โดยกรมเจ้าท่า ยังคงตรึงราคาค่าโดยสารเรือประจำทาง ทั้งในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟาก แต่จะขอให้กระทรวงพลังงานอุดหนุนราคาน้ำมันลิตรละ 2 บาท เป็นระยะเวลารวม 3 เดือน พร้อมเสนอขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจนถึงเดือน ธ.ค.2565 การขนส่งทางราง โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเยียวยาผู้ประกอบการการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยจะตรึงราคาค่าธรรมเนียมน้ำมันดีเซลที่เก็บจากผู้ประกอบการขนส่งไว้ที่ 29.76-30.00 บาท/ลิตร ซึ่งในส่วนเกินนั้น รฟท.จะรับภาระไว้ การขนส่งทางอากาศ โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เสนอขยายระยะเวลาการตรึงอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น หน่วยละ 0.20 บาทอีก 6 เดือน จากเดิมรัฐบาลสนับสนุนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2565 เป็นสิ้นปี 2565

“กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาเรื่องผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการในทุกมิติที่สามารถช่วยเหลือได้ โดยให้ บขส., ขสมก. และ รฟท.ตรึงค่าโดยสารเพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารทุกชนิด ทุกประเภท จนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไปจนอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรับภาระต้นทุนได้ จึงจะกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง” นายสรพงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะที่กระทรวงคมนาคมคลอดแผนออกมานั้น คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด และคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 68

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum

รัฐบาลโอ่ผลงานยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออกเชื่อมโยงอีอีซี

รัฐบาลยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออก เพิ่มประสิทธิภาพการจราจร เชื่อมโยงอีอีซี ล่าสุดกรมทางหลวงขยาย 4 ช่องจราจร ทล.3481 ตอน บ้านหัวไผ่ - การเคหะฯ จังหวัดปราจีนบุรี แล้วเสร็จ

'อนุทิน' ยันไม่คิดเอาคืนใคร ปมที่ดินเขากระโดงอย่าโยงการเมือง ไม่อย่างนั้นก็หมดสภาฯ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงข้อพิพาทพื้นที่เขากระโดงระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมที่ดิน ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยันสิทธิ์ตามกฎหมาย

DMT พร้อมสนับสนุนนโยบายกระทรวงคมนาคม ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยการจำหน่ายคูปองผ่านทางในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ถึง 21 ธ.ค.67

DMT พร้อมสนับสนุนนโยบายกระทรวงคมนาคม ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยการจำหน่ายคูปองผ่านทางในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ถึง 21 ธ.ค. 67