‘คมนาคม’ จ่อคลอดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการขนส่งชุดใหญ่หลังราคาน้ำมันพุ่ง

13 พ.ค.2565-นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการเยียวยาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พิจารณาหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการภาคคมนาคมขนส่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อนำเสนอไปยังหน่วยงานกลางพิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป โดยจากการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มาตรการเยียวยาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนี้ 

1. ด้านการขนส่งทางบก โดยกรมการขนส่งบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะเสนอขอรับการอุดหนุนค่าน้ำมันดีเซลให้ผู้ประกอบการขนส่ง 60 ลิตร/วัน/คัน ที่ราคา 2 บาท/ลิตร คิดเป็น 120 บาท/วัน/คัน ระยะเวลา 3 เดือน วงเงินรวม 3,607 ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านการขนส่งสินค้า 2,592 ล้านบาท และด้านการขนส่งผู้โดยสาร 1,015 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของการขนส่งสินค้า เสนออุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้รถบรรทุกไม่ประจำทาง (70) ซึ่งมีรถที่ใช้น้ำมันดีเซล 240,000 คัน คิดเป็น 62% ของรถทั้งหมด 388,620 คัน ใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 120 ลิตร/วัน/คัน โดยจะเสนอขออุดหนุนค่าน้ำมัน วงเงินรวม 2,592 ล้านบาท 
 อย่างไรก็ตามขณะที่ด้านการขนส่งผู้โดยสาร จะเสนออุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้รถโดยสารประจำทาง รวมรถโดยสารของ ขสมก. และ บขส. แล้ว ซึ่งมีรถที่ใช้น้ำมันดีเซล 42,842 คัน คิดเป็น 69% ของรถทั้งหมด 62,491 คัน ใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 142 ลิตร/วัน/คัน โดยจะเสนอขออุดหนุนค่าน้ำมัน วงเงินรวม 465 ล้านบาท นอกจากนี้จะเสนออุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้รถโดยสารไม่ประจำทาง โดยมีรถที่ใช้น้ำมันดีเซล 50,947 คัน คิดเป็น 85% ของรถทั้งหมด 60,088 คัน ใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 142 ลิตร/วัน/คัน ซึ่งจะเสนอขออุดหนุนค่าน้ำมัน วงเงินรวม 550 ล้านบาท 

นอกจากนี้จะเสนอมาตรการทางภาษี โดยจะเสนอขอปรับลดภาษีประจำปี 90% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรถสาธารณะ 170,000 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์รับจ้าง 111,552 คัน รถรับจ้างสามล้อ 10,472 คัน  รถรับจ้างแท็กซี่ 66,462 คัน โดยต้องดำเนินการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา ให้มีการลดภาษีในรอบปี เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการต่อไป 

2.ด้านการขนส่งทางน้ำ โดยกรมเจ้าท่า ยังคงตรึงราคาค่าโดยสารเรือประจำทาง ทั้งในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟาก พร้อมกันนี้จะเสนอขอรับมาตรการช่วยเหลือกรณีค่าน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากกระทรวงพลังงาน ให้กับผู้ประกอบการเรือโดยสารสาธารณะ (เรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟาก) 13,328 ลิตร/วัน สนับสนุนลิตรละ 2 บาท เป็นเงินรวม 26,656 บาท/วัน รวม 2,399,040 บาท เป็นระยะเวลารวม 3 เดือน รวมทั้งจะเสนอขอขยายระยะเวลามาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จนถึงเดือน ธ.ค.2565 

สำหรับมาตรการที่กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างดำเนินการคือ การเสนอออกประกาศกระทรวงคมนาคมและกฎกระทรวง เกี่ยวกับการงดเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเรือและการออกใบอนุญาตใช้เรือ สำหรับเรือพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเรือพลังงานไฟฟ้า (EV) ทดแทนเรือพลังงานน้ำมัน โดยงดเว้นค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลา 10 ปี และหลังจากนั้นเก็บค่าธรรมเนียมเพียงกึ่งหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.2565 

3. ด้านการขนส่งทางราง โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเยียวยาผู้ประกอบการการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยจะตรึงราคาค่าธรรมเนียมน้ำมันดีเซลที่เก็บจากผู้ประกอบการขนส่ง โดยจะตรึงอัตราเฉลี่ยที่ 29.76-30.00 บาท/ลิตร (ไม่ปรับเพิ่มตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจริง) ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมน้ำมันต่อเดือนลดลง รฟท.จึงต้องแบกรับภาระต้นทุนในส่วนดังกล่าว 

และ 4. ด้านการขนส่งทางอากาศ โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เสนอมาตรการการให้ความช่วยเหลือสายการบินสัญชาติไทย และสายการบินที่ทำการบินภายในประเทศ เนื่องจากสายการบินมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะขอขยายระยะเวลาการตรึงอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น หน่วยละ 0.20 บาท อีก 6 เดือนจากเดิมรัฐบาลสนับสนุนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2565เป็นสิ้นปี 2565 

นายสรพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ให้หน่วยงานภาคขนส่งในสังกัด ได้แก่ บขส., ขสมก. และ รฟท. คงตรึงราคาค่าโดยสาร เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยให้ชะลอการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารทุกชนิดทุกประเภท จนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไป จนอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรับภาระต้นทุนได้ จึงจะกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง  ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด

เพิ่มเพื่อน