'เจ๊เกียว' ร้องขนส่งฯขอขึ้นค่าตั๋วรถทัวร์กิโลเมตรละ 1 สตางค์

“เจ๊เกียว”บุกขนส่งทางบก ยื่นหนังสือขอปรับค่าโดยสารขอปรับขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร พ่วงขอให้ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้าน “ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง” แนะขนส่งฯใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่กรมเคยใช้พิจารณาเมื่อปี55

13 พ.ค. 2565- นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมรถโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่รถเชิดชัย และบริษัท เดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือถึงนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขอปรับค่าโดยสารโดยราคาน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อลิตร จะขอปรับขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร พร้อมขอให้ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าประกันภัย ค่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเพื่อบรรเทาค่าใช้จ่าย และค่าขากรณีไม่ได้วิ่ง เนื่องจาก ที่ผ่านมาไม่ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารมาหลายปีแล้ว​ ไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้

นางสุจินดา กล่าวว่า ปัจจุบันค่าน้ำมันคิดเป็นต้นทุนสูงถึง60% แต่ค่าโดยสารสารที่ใช้ในปัจุบันคิดจากราคาน้ำมันที่ 27 บาท 79 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งเป็นการคำนวนจากอัตราเดิมเมื่อปี 2562 และค่าโดยสารไม่ได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี 2558 จุดคุ้มทุนของรถ 1 คันจะต้องมีผู้โดยสารอย่างน้อย 16 ที่นั่ง แต่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบของโควิด-19 ทำให้จำนวนผู้โดนสารลดลง และผู้โดยสารเปลี่ยนพฤติกรรมเดินทาง อย่างไรก็ตามหากการหารือวันนี้​กรมการขนส่งทางบกไม่ยอมปรับขึ้นราคาให้ ก็ขอให้ติดตามต่อว่าแต่ละบริษัทจะดำเนินการอย่างไร เพราะแต่ละบริษัทได้รับผลกระทบและแผนบริษัทต่างกัน​

“มีแผนว่าการประกาศขายรถจำนวน 300 คัน วิ่งในทั้งในภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก พร้อมยืนยันว่า​ เป็นหน้าที่ราชการจะต้องหาเหตุผลเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ให้ได้ เพราะขณะนี้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้น และเงินหายาก หากไม่ช่วยเหลือก็อาจจะทำให้ผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการ”นางสุจินดา กล่าว

ด้านนายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง กล่าวว่าได้เข้าพบนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อยื่นข้อเสนอให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาทบทวน การนำประกาศกรมการขนส่งทางบกตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2555 ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาท/ลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์/กิโลเมตร

ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.62 คือ 53 สตางค์/กิโลเมตร/คน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท ขณะที่ ณ วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเเตะถึง40 บาท/ลิตรในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่องจึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากไม่ได้มีการนำประกาศดังกล่าวมาใช้ในโครงสร้างค่าโดยสารอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังเคยว่าจ้าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศึกษาถึงต้นทุนในการประกอบการขนส่งที่แท้จริง โดยกำหนดว่าจะมีการนำผลการศึกษาดังกล่าวมาปรับ อัตราค่าโดยสารเพื่อยกระดับให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถโดยสารประจำทางเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ และสามารถพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไปซึ่งบทสรุปจากการศึกษา ระบุว่า หากต้องการให้บริการรถโดยสารสาธารณะมีคุณภาพและมาตรฐานดังความคาดหวังของภาครัฐต้องมีการปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 30-45% แยกตามหมวดการเดินรถ ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ยังไม่เคยนำผลการศึกษาดังกล่าวมาพิจารณา

นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวต่อไปว่า หากรัฐบาลไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือใดๆคาดว่าราคาน้ำมันดีเซลอาจจะพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับโครงสร้างขั้นบรรไดของอัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งประกาศไว้ เมื่อน้ำมันดีเซลปรับขึ้นลิตรละ 1.12 บาท จะต้องปรับอัตราค่าโดยสาร ขึ้น 1 สตางค์/กิโลเมตร นั่นหมายความว่ากรมการขนส่งทางบกโดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ต้องพิจารณาใช้ตารางอัตราค่าโดยสารขึ้นอีกประมาณ 10-15 สตางค์/กิโลเมตร

สำหรับการมายื่นข้อเสนอครั้งนี้ ยืนยันไม่ใช่การเรียกร้องให้มีการปรับค่าโดยสารแต่อย่างใดเพียงขอให้กรมการขนส่งทางบก ใช้อัตราค่าโดยสารตามโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลตามที่เคยประกาศไว้เท่านั้น โดยให้ข้อมูลด้วยว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี เทียบเคียงอัตราค่าโดยสารค่าโดยสารโดยรวมแล้วกลับลดลง 1 สตางค์/กิโลเมตร ทั้งๆที่องค์ประกอบต่างๆของต้นทุนในการเดินรถมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นตลอดมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวนาบุรีรัมย์ช้ำในอก น้ำมันแพงพุ่ง แบกรับต้นทุนเพิ่ม

เสียงสะท้อนชาวนาบุรีรัมย์  ชี้ได้รับผลกระทบหนัก น้ำมันแพง ทำต้นทุนเพิ่มอื้อ  จี้รัฐบาลอย่านิ่งูดายจริงจังแก้ไขปัญหาราคา

โฆษกพลังงาน บอกแค่ 60 วัน ลดทั้ง ‘น้ำมัน-ไฟฟ้า’ ฟุ้งรอดูฝีมือ ‘พีระพันธุ์’ อีก

กระทรวงพลังงานยุคใหม่ ภายใต้ผู้ชายชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเดินหน้าเต็มสูบ มีโรดแมปมาตรการระยะกลาง-ยาว