‘ธปท.’ เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน! ลุยโฟกัสกลุ่มแม่ค้า

“ธปท.” ถกหน่วยงานเกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน เล็งออกมาตรการเพิ่มเติมเจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้มีรายได้น้อย ปูพรม 5 แนวทางแก้ปัญหา

12 พ.ค. 2565 – นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องบูรณาการความร่วมมือในการช่วยกันแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนของคนไทย โดยมีมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า คนรายได้น้อยถึงปานกลาง เช่น วิธีการเสริมรายได้ให้คนไทย เป็นต้น เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่รายได้ไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 และระหว่างนี้ต้องทำมาตรการปัจจุบันให้เกิดประสิทธิผล และเกิดเป็นรูปธรรม เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ และการรวมหนี้ เป็นต้น

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนมี 5 แนวทาง ประกอบด้วย 1.ให้ความรู้ความเข้าใจด้านการเงินกับประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ก่อนกู้ยืมหรือลงทุน เริ่มต้นจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษา 2.สถาบันการเงินต้องมีความรับผิดชอบในการปล่อยสินเชื่อ และต้องดูเรื่องความสามารถชำระหนี้และต้องดูว่าหลังจากกู้แล้วมีเงินเพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ แม้หากชำระหนี้ได้แต่เหลือเงินใช้น้อย ก็จะไม่ทำให้การแก้หนี้เกิดความยั่งยืน โดยไม่ได้กำหนดว่าหนี้ต่อรายได้ หรือดีเอสอาร์จะต้องอยู่ที่เท่าไร แต่ธปท.ได้ให้คำนิยามเดียวกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินจะกำหนด

3.หน่วยงานกำกับอย่างธปท. ต้องส่งเสริมให้เกิดความรู้ทางการเงินและกำหนดนโยบายต่าง ๆ แก่สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ 4.เมื่อเกิดปัญหาและต้องแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. และสถาบันการเงินได้ร่วมกันแก้ไขออกมาตรการ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หลังจากเดิมที่มาการพักหนี้ซึ่งเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อหมดมาตรการพักหนี้แล้ว ลูกหนี้ก็ต้องกลับมาชำระหนี้เหมือนเดิม และจะมีกระบวนการไกล่เกลี่ย เจรจาลูกหนี้ก่อนที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

5.ธปท.อยากเห็นการรวมศูนย์ข้อมูลลูกหนี้ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น เครดิตบูโรแล้วก็ตาม และทุกวันนี้ข้อมูลลูกหนี้ยังกระจาย และล่าช้าในเรื่องการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากมีข้อมูลลูกหนี้ที่รวมศูนย์จะทำให้สถาบันการเงินเห็นข้อมูลได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อการปล่อยกู้แก่ลูกหนี้ เช่น คนไม่มีรายได้ประจำ อย่างการใช้จ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ แต่ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ การยินยอม และข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย โดยขณะนี้มีหลายทางเลือกอาจเป็นการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ หรือใช้หน่วยงานเดิมก็ได้แล้วแต่อุปสรรคของกฎหมาย

“เรื่องหนี้เสียที่ผ่านมาไม่ได้เพิ่มมากขึ้น จากการปรับโครงสร้างหนี้มีมาตรการต่าง ๆ และหลังจากนี้หนี้เสียจะไม่ได้ขึ้นมาก แต่จะเป็นทยอยปรับเพิ่ม มั่นใจสถาบันการเงินสามารถจัดการได้ ส่วนการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเจวีเอเอ็มซี เริ่มทยอยเข้ามาหวังในปีนี้จะเกิดขึ้นได้” นายรณดล กล่าว

นางสุวัธนา รัศมีโรจน์วงศ์ ผู้บริหาร โครงการคลินิกแก้หนี้ กล่าวว่า หลังจากปรับเงื่อนไขเปิดรับสมัครคนเข้าโครงการต้องเป็นหนี้เอ็นพีแอลก่อนวันที่ 1 เม.ย.2565 จากเดิมก่อน 1 ต.ค.2564 ปรากฎว่ามีผู้สมัครเข้ามา 2-3 เท่าเพียงแค่ 1 สัปดาห์ และยังอยู่ระหว่างหารือกับ ธปท. เพื่อขยายความช่วยเหลือลูกหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มเติม มีวิธีทั้งรูปแบบการปรับโครงสร้างอาจมีความหลากหลายมากขึ้น การผ่อนระยะยาวที่ยังต้องศึกษา ปัจจุบันมีผู้มาสมัครโครงการคลินิกแก้หนี้ 2-3 แสนบัญชี ได้เข้าร่วมแล้ว 8 หมื่นบัญชี คิดเป็นมูลหนี้กว่า 6 พันล้านบาท และยังมีเอ็นพีแอลไม่เข้าโครงการอีกมาก เพราะเป็นคนที่จ่ายขั้นต่ำและเอ็นพีแอลหลัง 1 ต.ค.2564

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักกฎหมาย ชี้ไม่ง่าย 'โต้ง' ว่าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะแทรกแซงผู้ว่าแบงก์ชาติ

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายคัดค้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ เป็นตัวแทนฝ่

รัฐบาลดี๊ด๊า! เปิดทำเนียบฯ รับม็อบเชียร์ 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

เครือข่ายภาคประชาสังคมฯ ยื่น 1.5 หมื่นรายชื่อ หนุน 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ 'รองเลขาฯนายกฯ' รีบหอบส่ง ธปท.ทันที แย้มวันนี้ไม่เลื่อนแล้ว