![](https://storage-wp.thaipost.net/2021/10/รณรงค์-พูลพิพัฒน์.jpg)
สนค.เผยอาหารและเครื่องดื่ม เป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้ให้แก่คนไทยมากที่สุด ชี้ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช อาหารสัตว์ เครื่องปรุงรส อาหารจำพวกเส้น เป็นกลุ่มสินค้าดาวเด่น ส่วนเนื้อสัตว์และอาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม นมและผลิตภัณฑ์จากนม เป็นกลุ่มเติบโต ส่วนผัก ผลไม้ อาหารกระป๋อง ต้องเร่งพัฒนาสินค้าให้กลับมาส่งออกดีขึ้นอีกครั้ง พร้อมแนะผู้ประกอบการติดตามเทรนด์อาหารอนาคต ที่กำลังเติบโต
28 ต.ค.2564 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ศึกษาอุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับคนไทยได้อย่างแท้จริงตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยผลการศึกษา พบว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้แก่คนไทยอย่างแท้จริงมากที่สุด บ่งชี้จากสัดส่วนของมูลค่าส่งออกที่มาจากบริษัทของคนไทยต่อมูลค่าส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่สูงถึงร้อยละ 73 อีกทั้งมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากถึงร้อยละ 81 และในปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้กว่า 20,505 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่วง 8 เดือนองปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นมูลค่า 14,047 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสนค. ได้ทำการวิเคราะห์สถานะของสินค้าไทยในตลาดโลกภายใต้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พบว่า สามารถแบ่งกลุ่มสินค้าศักยภาพ ได้เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือ กลุ่มสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกมาก และการส่งออกมีอัตราขยายตัวดีต่อเนื่อง หรือกลุ่มดาวเด่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช อาหารสัตว์ เครื่องปรุงรส และสินค้าอาหารจำพวกเส้น และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกมีอัตราขยายตัวดี แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยในตลาดโลก ซึ่ง สนค. มองว่า เป็นสินค้ากลุ่มเติบโต จึงเป็นโอกาสที่จะผลักดันการส่งออกมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ โดยภาครัฐอาจสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้สินค้าไทยของผู้บริโภคในตลาดส่งออกให้มากขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์และอาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์นม อาหารปรุงแต่ง ขนมปังและเบเกอรี่ และสิ่งปรุงแต่ง ขนมทำจากน้ำตาล และไอศกรีม
ส่วนสินค้าบางกลุ่ม สนค. พบว่า การส่งออกของสินค้าไทยมีอัตราขยายตัวลดลง หรือมีอัตราหดตัว เมื่อเทียบกับในอดีตที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สินค้าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้าน้ำตาล และสินค้าชา ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องลงทุนพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยบางสินค้าอาจมีการอิ่มตัวในตลาดเดิม จำเป็นต้องขยายตลาดใหม่ ๆ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตของการนำเข้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
นายรณรงค์กล่าวว่า การพัฒนาสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สินค้าไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาด และมีอัตราขยายตัวของการส่งออกที่ดีต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องติดตามเทรนด์ของอาหารและเครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะพฤติกรรมหลังจากเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่ออาหารและเครื่องดื่มที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัยจากสารเคมี รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด
ทั้งนี้ สนค. มองว่า เทรนด์อาหารอนาคต (future food) จะยังคงเป็นกระแสระยะยาว ได้แก่ อาหารออร์แกนิก อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ (functional food and drink) อาหารทางการแพทย์ที่ไม่ใช่ยาและอาหารเสริม อาหารนวัตกรรมใหม่ (novel food) และกลุ่มสินค้าอาหารที่นายจุรินทร์ให้นโยบายในการเร่งผลักดันการส่งออก เช่น อาหารฮาลาล อาหารมังสวิรัติ และอาหารจากพืช (plant-based food) ที่มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมาก และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมเข้าสู่ประเทศได้อีกมาก หากมีการผลักดันอย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผลสำรวจชี้ คนไทยกระเป๋าฉีกพบมีหนี้สิน 20-50%ของรายได้ แถมเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูง
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับความยากจน หนี้สิน และการเลิกจ้างงาน” ระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,146 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม
'สมชัย' ตามบี้ต่อ! ฝากคนไทยในสหรัฐพิสูจน์ 'University tower'
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จริงหรือไม่ 1.University tower ที่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 4199 Campus Drive
ททท. กางแผนปี 68 ดึงต่างชาติเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 3.4 ล้านล้าน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2025 : TATAP 2025) ว่า ททท.ตั้งเป้าหมายในปี 2568 สร้างรายได้รวมเพิ่มจากที่ทำได้ในปี 2567 ไปอีก 7.5%
ฮือฮา! ทุเรียนลูกละ 1 บาท แห่รับบัตรคิวแน่นตลาด
ตลาดมหาชัยไนท์ต้นสน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดมหกรรมทุเรียน ระหว่างวันที่ 4 - 7 กรกฎาคม 2567 สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาด
อดีตบิ๊กข่าวกรอง ปลงอนิจจา ศก.กำลังแย่ คนไทยที่เจ็บไม่เคยจำ แถมขี้ลืม
นันทิวัฒน์ บอกเสียงโอดครวญทุกแห่งหน จะตายอยู่แล้ว เศรษฐกิจแย่ ตลาดเงียบ มีแต่คนขาย คนรุ่นใหม่เริ่มตาสว่าง
รัฐบาลวางแผนดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ LGBTQ+ โกยเงิน 4.5 พันล้าน
นายกฯ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชนฉลอง Pride Month ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ LGBTQ+ สร้างเม็ดเงินในประเทศ 4,500 ล้าน พร้อมผลักดันไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยว Pride Friendly ระดับโลก เป็นเจ้าภาพ World Pride ในปี 2030