'กอร์ปศักดิ์' ห่วงหนี้รายปีรัฐบาลใกล้เต็มเพดาน แม้จะขยายการกู้จาก 60% เป็น 70% แล้วก็ตาม ย้ำต้องประหยัด-มีวินัย ข้องใจให้อำนาจฝ่ายบริหารแก้ไม่ต้องผ่านสภา
05 พ.ค. 2565 – นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า ด้านเศรษฐกิจ ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์เปรียบเทียบศักยภาพการกู้เงินจากสถาบันการเงินของเอกชน และรัฐบาล ว่า เอกชนจะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับตัวเลขรายได้ เพราะรายได้ทำหน้าที่เป็นเพดานในการกู้เงิน รัฐบาลกู้เงินง่ายกว่าเอกชน เนื่องจากเครดิตประเทศดี จะกู้มากน้อยไม่เป็นปัญหา แต่หากรัฐบาลกู้อย่างงมงาย ขาดวินัยทางการเงินการคลัง ประเทศจะมีสิทธิล่มสลายได้เหมือนกัน
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติวินัยทางการเงินการคลัง 2561 กำกับการกู้เงินของรัฐไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง กฎหมายให้มีการกำหนดสัดส่วนการกู้และภาระหนี้ ถ้าเป็นหนี้สาธารณะ กำหนดเพดานที่ 60% ของจีดีพี ส่วนภาระหนี้ของรัฐในแต่ละปี ต้องไม่เกิน 35 % ของรายได้ในปีนั้นๆ ประกาศเมื่อ 7 มิถุนายน 2561 และ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 มีการแก้ไขตัวเลขเพดานการกู้เงินที่นับเป็นหนี้สาธารณะ จาก 60% เป็น70% ของจีดีพี สาเหตุจากการกู้เงินจนทะลุเพดานของรัฐบาล ถ้าไม่ปรับเพดานใหม่ จะเป็นการกู้ทะลุเพดาน ผิดกฎหมาย แก้แล้วจึงไม่ผิด หนี้สาธารณะของรัฐบาลเมื่อ กันยายน 2561 อยู่ที่ 41.70% และสูงขึ้นติดเพดานเมื่อ กันยายน 64 ที่ 58.15 % เพดานกำหนดไว้ที่ 60% ของจีดีพี รัฐไม่มีทางออก รายได้ไม่พอ ต้องกู้เพิ่ม แต่เมื่อกู้เพิ่ม ตัวเลขจะทะลุเพดาน การแก้ปัญหาของรัฐบาล คือ ขยับเพดานให้สูงขึ้นจาก 60% เป็น 70%
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาระหนี้รายปีของรัฐบาล น่าเป็นห่วงเหมือนกัน จากเมื่อเดือนกันยายน 2561 ภาระหนี้อยู่แค่ 19.17% พอมาถึงกันยายน 2564 ตัวเลขสูงก้าวกระโดดไปที่ 32.27 % เพดานกำหนดไว้ที่ 35% ของรายได้ ห่างเพดานไม่มาก ไม่แน่ใจว่าจะขยับเพดานตัวนี้อีกหรือไม่ ต้องจับตาดูกันต่อไป ไม่แปลกที่กรณีวิกฤติ อาจต้องขยับเพดานเงินกู้ แต่ที่แปลกคือกฎหมายให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจแก้ไขเพดาน ไม่ต้องผ่านสภา
“ขอให้รัฐบาลประหยัด รู้และเข้าใจถึงการจัดลำดับความสำคัญในการใช้เงินงบประมาณ โดยต้องกู้อย่างมีวินัย ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้ แต่เมื่อมีการขยับเพดานเงินกู้ อาจทำให้ภาคเศรษฐกิจเสียความเชื่อมั่นในการบริหารงานด้ายเศรษฐกิจการเงินการคลัง”นายกอร์ปศักดิ์ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘แพทองธาร’ ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลังภาพ 'ทักษิณ-อนุทิน' ออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน
ความจริงแล้วตนและนายอนุทิน ก็คุยกันอยู่แล้ว ถึงจะมีปัญหาอะไรก็คุยกันเคลียร์กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย
อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’ ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม.
การเมืองมกรา’68 พรรคร่วมร้อนรุ่มแตกหัก ‘ทักษิณ’ หนาวสะท้านชั้น 14
ทักษิณขยี้หนัก โชว์ภาพตีกอล์ฟขนาบข้างทุนผูกขาด ส่อสื่อสัญญาณรุก “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” คาดชะตากรรมไม่แตกต่าง “ประวิตร-พปชร.” ประเมินปี 68 ปมชั้น 14 ทำการเมืองร้อนแรง
สัญญาณชัด! ‘เทพไท’ ฟันฉับความขัดแย้งในรัฐบาล เกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วแน่นอน
เป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมือง ซึ่งมีจุดยืนและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน แต่กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน
นักเขียนค่ายผู้จัดการ มองทางเลือก ‘ทักษิณ’ ยุบสภาล้างไพ่ใหม่ เหตุมั่นใจกระแส ’อิ๊งค์-ตัวเอง’
ทักษิณโชว์ร่วมก๊วนกอล์ฟอนุทิน โดยมีเจ้าสัวพลังงานร่วมด้วย โดยสื่อบอกว่าสยบรอยร้าว2พรรค ซึ่งจริงๆแม้ 2 พรรคจะขบเหลี่ยมทิ่มแทงกันบ้าง ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ทักษิณขู่ฟอด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2