21 เม.ย. 2565 – นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ทางผู้ประกอบการขนส่งจะปรับขึ้นค่าขนส่งทั่วประเทศขั้นต่ำ 15% หรืออาจจะมากกว่า 20% เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดของราคาน้ำมันดีเซล หลังรัฐบาลจะเลิกตรึงราคาที่ 30 บาทต่อลิตร โดยจะปรับขึ้นแบบเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ 32-35 บาทต่อลิตร
“จุดคุ้มทุนของเรา น้ำมันดีเซลต้องอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร ที่ผ่านมาก็แบกรับภาระไว้ แต่เมื่อรัฐบาลไม่มีมาตรการออกมาต้องปรับค่าขนส่งขึ้นให้สอดรับ โดยน้ำมันขึ้นทุก 1 บาท จะปรับค่าขนส่งขึ้น 3% ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ผลิตต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามอย่างน้อย 20% และเราคงต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ทางสหพันธ์มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งพิจารณา เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาราคาพลังงานแพง ได้แก่ 1.ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงด้านขนส่งเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร เท่ากับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน 2.นำไบโอดีเซลที่ใช้ผสมน้ำมันออกจากระบบชั่วคราวจะลดได้ 1.50-2.00 บาทต่อลิตร เพราะปัจจุบันราคาสูงกว่าน้ำมันดีเซลเท่าตัว และ 3.ในการเทียบราคาน้ำมันประเทศสิงคโปร์ ขอให้เลิกคิดค่าขนส่งรวมเข้าไปในต้นทุนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ กระตุ้น E-Commerce กระตุ้นศก. ชี้ธุรกิจขนส่งโตพุ่ง
นายกฯ สั่งเร่งผลักดันและส่งเสริม E-Commerce ให้ช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รับทราบแนวโน้มธุรกิจขนส่งพัสดุในปี 2566 ที่ธุรกิจเติบโตกว่า 18 % มูลค่า 1.15 แสนล้านบาท
เผยกองทุนน้ำมันอุดหนุนดีเซล 2.50 บาท
เผยกองทุนน้ำมัน อุดหนุนดีเซล 2.50 บาท ตรึงต่อไม่เกิน 35 บาท/ลิตร ด้าน สกนช. แย้มเริ่มมีเงินปตท.เข้ามาสนับสนุนแล้ว 1,000 ล้านบาทแรก
ยอมแบก 'กบน.' คงมติตรึงดีเซลไม่เกิน 32 บาท/ลิตรต่ออีกสัปดาห์
กบน.คงมติตรึงดีเซลไม่เกิน 32 บาท/ลิตรต่ออีกสัปดาห์ หลังราคาน้ำมันผันผวนสูง กองทุนติดลบ 7.2 หมื่นล้านบาท แม้ลดภาษีสรรพมิตดีเซล 5 บาท/ลิตร
พิษน้ำมันแพงทุบธุรกิจขนส่งอ่วม 'คมนาคม' จ่อเร่งออกมาตรการชุดใหญ่ช่วยพยุง
หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่มีการปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ราง น้ำ และอากาศ แบกรับภาระการขาดทุนไม่ไหว ทำให้ต้องออกมาขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กระทรวงคมนาคม เข้ามาพิจารณาช่วยเหลือ พร้อมขอปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ปรับสูงขึ้นอย่างมาก เพื่อให้กิจการสามารถเดินหน้าต่อไป มิฉะนั้นจะต้องเลิกกิจการทำให้เจ๊งทั้งระบบ