‘คมนาคม’ ตรวจสอบอาคารดอนเมืองถล่มเบื้องต้นเสียหาย 20 ล้าน

“คมนาคม-ทอท.”ลงพื้นที่ตรวจสอบประเมินความเสียหายอาคารเซอร์วิสฮอล์ถล่ม เบื้องต้น 20 ล้านบาท ยันทำสัญญากับเอกชนโปร่งใส ตามขั้นตอน จี้ผู้รับเหมาเร่งดำเนินการซ่อมแซม ย้ำมีการออกแบบให้รองรับแรงลม แรงพายุ แต่เหตุที่เกิดขึ้นขอตรวจสอบอีกครั้ง

20 เม.ย. 2565-นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกำแพงอาคารเซอร์วิสฮอล์(Service Hall) ท่าอากาศยานดอนเมืองพังถล่ม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบด้านวิศวกรรม และตรวจสอบด้านสัญญา กำแพงอาคารเซอร์วิสฮอล์ถล่มว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่

“กำแพงอาคารเซอร์วิสฮอล์ ได้รับความเสียหายจากพายุฝนและพังถล่มลงมา เบื้องต้น จากการลงพื้นที่ ดูสภาพความเสียหาย ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางในการทำงาน โดยตั้งคณะทำงาน 2 คณะ คณะแรกดูแลการตรวจสอบด้านวิศวกรรม และคณะที่สอง ตรวจสอบด้านสัญญาว่าดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ และจะมีการประชุมอีกครั้งวันที่ 29 เมษายนนี้ โดยได้กำชับให้ทอท. ตรวจสอบอาคารสำนักงานของดอนเมืองอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และท่าอากาศยานอื่นๆ ให้ทำการตรวจสอบเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน ”นายพิศักดิ์ กล่าว

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัมท่าอกาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นที่กำแพงถล่มลงมา คาดว่าตัวคานรับรางระบายน้ำ รับน้ำฝนและลมพัดเข้ามาปริมาณมาก เกิดการบิดตัวขึ้นสองช่วงเสา จนทำให้กำแพงพังลงมา ซึ่งอาคารนี้สร้างเสร็จช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดใช้ ไม่มีผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่อยู่ ขณะนี้ได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้วิศวรรมสถานฯ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหาย กำแพง คานรับน้ำฝน และโครงสร้างหลัก ว่ามีความกระทบหรือไม่

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ทางผู้รับเหมาสามารถเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงประกัน พร้อมตั้งกรอบการดำเนินการ ให้คืนสภาพภายใน 1 สัปดาห์และการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนหมดประกัน เบื้องต้นประเมินความเสียหายที่ 20 ล้านบาท จากมูลค่าอาคารทั้งหลังอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขอให้มั่นใจว่า อาคารผู้โดยสาร 1-2 มีความแข็งแรง ส่วนที่เกิดขึ้น ย้ำว่า มีการออกแบบให้รองรับแรงลม แรงพายุอยู่แล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามส่วนกรณีสัญญาที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความผิดปกตินั้น ยืนยันว่า โครงการนี้มีการดำเนินกาตั้งแต่ปี 2561 ตามพรบ.จัดซื้อจัดจ้าง โดยผู้ที่เสนอคราคาต่ำที่สุด จะได้มาลงนามกับทอท. แต่ผู้ที่ชนะการประมูลรายแรกไม่ยอมมาลงนาม แม้จะแจ้งให้เข้ามาลงนามเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว จึงยืนยันว่า ไม่ได้นำงานนี้ไปให้อีกบริษัท โดยกรณีนี้มีการตั้งคณะกรรมการอีกชุด เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยโดยเฉพาะสัญญานี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า การปรับหรือลงโทษบริษัทผู้รับเหมา นั้นจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ทอท. ยืนยัน สัญญาที่ทำกับเอกชนมีความโปร่งใส แต่หากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบความผิด จะดำเนินการตามขั้นตอน

เพิ่มเพื่อน