'บีโอไอ' อนุมัติลงทุน 3 กิจการมูลค่า 14,442.4 ล้านบาท

นายกฯ ถกบอร์ดบีโอไอ ย้ำเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานสถานีอัดประจุไฟฟ้ารองรับรถไฟฟ้า พ่วงอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 14,442.4 ล้านบาท ในกิจการ DATA CENTER – น้ำยางสังเคราะห์- COPPER FOIL

07 เม.ย.2565 - ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมด้วย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดภายหลังการประชุมว่า นายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานในวาระสำคัญที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งการปรับปรุงประเภทกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า การปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ของ OECD (Pillar 2) และการส่งเสริมการลงทุนปี 2565 ไตรมาสแรก ซึ่งการดำเนินงานมีความก้าวหน้าตามแผน โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานด้วยความรอบคอบ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม สำหรับการปรับปรุงประเภทกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตรถยนต์ หรือ 750,000 คัน (เป็น BEV: Battery Electric Vehicle 375,000 คัน) ภายในปี ค.ศ. 2030 จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานของสถานีอัดประจุไฟฟ้า (CHARGING STATION) เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเติบโตขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบดำเนินการจัดทำแพลตฟอร์มบูรณาการหรือแพลตฟอร์มส่วนกลาง สำหรับบริหารจัดการเครือข่ายระบบอัดประจุไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ โดยต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือธุรกิจ Startup สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยการดำเนินงานต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลตามเป้าหมายที่กำหนด รวมถึงต้องมีการบูรณาการแผนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางคมนาคมของกระทรวงคมนาคมให้สอดคล้องกับแผนด้านพลังงานของกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเร็ว

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ยังได้ย้ำถึงการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของ OECD (Pillar 2) โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งผลดีและผลเสีย เพื่อปรับการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและการลงทุนในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนได้อย่างสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับมติที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ได้มีการพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ เช่น อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน รวมมูลค่า 14,442.4 ล้านบาท ในกิจการ DATA CENTER จาก 2 บริษัท คือ บริษัท ทรู อินเตอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งมีโครงการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำยางสังเคราะห์ (SYNTHETIC LATEX) และโครงการผลิต COPPER FOIL นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบรายงานภาวะการส่งเสริมการลงทุนปี 2565 ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.65) พบว่าสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกของปี 2565 มีจำนวนโครงการรวม 378 โครงการ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่ารวม 110,733 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 77,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีมูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้น 78,217 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมฯ ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย EEC มีการขอรับการส่งเสริมรวมมูลค่า 60,362 ล้านบาท นอกจากนี้ ในเดือน ก.พ.– มี.ค.2565 คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น SUSPENSION FOR HARD DISK DRIVE, MULTILAYER PRINTED CIRCUIT BOARD, MULTILAYER CERAMIC CHIP CAPACITOR (MLCC) อุปกรณ์สื่อสารใยแก้วนำแสง และเส้นใยเทคนิค

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้อนุมัติปรับปรุงสิทธิประโยชน์การให้ส่งเสริมลงทุนกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า กรณีที่มีหัวจ่ายประจุไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 40 หัวจ่าย โดยเป็นประเภท QUICK CHARGE ไม่น้อยกว่า 25% ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี ส่วนกรณีอื่น ๆ ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินนิติบุคคล 3 ปี รวมทั้งยกเลิกเงื่อนไขห้ามรับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานอื่น เนื่องจากการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต้องอาศัยมาตรการหลายประการควบคู่กัน และยกเลิกเงื่อนไขการต้องได้รับรองมาตรฐาน ISO 18000 และปรับเงื่อนไขเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ได้เพิ่มเงื่อนไขให้มีการเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มบูรณาการหรือแพลตฟอร์มส่วนกลางสำหรับบริหารจัดการเครือข่ายระบบอัดประจุไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอ็มโอยู44-เอื้อนายทุน จุดจบรัฐบาลไม่ครบเทอม

หากอ้างอิงข้อมูลจากนิด้าโพลเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หัวข้อ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ อยู่ครบเทอมหรือไม่ โดยประชาชนมากกว่า 57.71% มองว่าอยู่ไม่ครบเทอม ประกอบด้วยสัดส่วนร้อยละ

'กกร.เชียงใหม่' จ่อชง 'ครม.สัญจร' เยียวยาผู้ประกอบการน้ำท่วม

นายอาคม สุวรรณกันทา ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย จังหวัดเชียงใหม่ และรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มาหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับเชียงใหม่ปีนี้

'นายกฯอิ๊งค์' ยกนิ้วโป้ง! หายป่วย ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด

’นายกฯอิ๊งค์‘ นำคณะลงพื้นที่ร้อยเอ็ด แม้เสียงยังแหบ ยกนิ้วโป้งอาการดีขึ้น เปิดตารางงาน ลุยปัญหายาเสพติด พร้อมพบปะชาวบ้าน ก่อนกลับ กทม. ช่วงเย็น

'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

'ธนกร' หวังชงแก้กฎหมายราชทัณฑ์ห้ามลดโทษผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงชาวบ้าน

'ธนกร' หารือ 'จุติ' เตรียมเสนอแก้กฎหมายราชทัณฑ์ ไม่ชงลดโทษผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน หวั่น 'บอส ดิไอคอน' นอนคุกไม่ถึง 5 ปี ออกมาใช้เงินสบาย ชี้ กม.ต้องรัดกุมให้คนเกรงกลัว ไม่กล้าทำผิดอีก