“คลัง” ฟุ้งอานิสงส์บริโภคภาคเอกชน-ส่งออก-ท่องเที่ยว หนุนเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. 2565 พร้อมจับตาสถานการณ์โอมิครอน-สงครามรัสเซีย ยูเครน ดันราคาพลังงานเพิ่ม กระทุ้งต้นทุนการผลิตผู้ประกอบการพุ่ง
30 มีนาคม 2565 – นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ. 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน การส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน ก.พ. 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่27.7% สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ที่ขยายตัว 19.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 14.4% ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือน ก.พ. 2565 ขยายตัว 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 43.3 จากระดับ 44.8 ในเดือน ม.ค. 2565 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือน ก.พ. 2565 ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 29.8% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.2%
ในส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ก.พ. 2565 อยู่ที่ 23,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันที่ 16.2% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกไปประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่ขยายตัวต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด อาทิ อาเซียน 5 ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และอินเดีย
นายวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า ในด้านบริการด้านการท่องเที่ยว เดือนก.พ. 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 152,954 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐฯ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย จำนวน 15.28 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 72.4% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.7 จากระดับ 88.0 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้น