“EIC” ลุยหั่นจีดีพีปี 65 เหลือ 2.7% ชี้ผลกระทบสงครามกระทุ้งราคาพลังงาน-สินค้าโภคภัณฑ์ทะยานแรง เงินเฟ้อกระฉูด 4.9% สูงสุดรอบ 14 ปี ห่วงใช้จ่ายในประเทศชะลอสวนทางค่าครองชีพ ตลาดแรงงานยังซึม แนะรัฐทยอยปรับขึ้นดีเซล ระบุตรึงราคานานสร้างภาระงบประมาณ หากยกเลิกอุดหนุนฉับพลัน หวั่นทำเศรษฐกิจชะงัก
29 มี.ค. 2565 – นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2565 ลงมาอยู่ที่2.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.2% เนื่องจากผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเฉลี่ยทั้งปีจะเร่งตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ระดับ 4.9%
ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศจะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่ประมาณการไว้เดิม โดยเฉพาะการบริโภคที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบทั้งจากกำลังซื้อของครัวเรือนที่ลดลงตามราคาพลังงานและอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และจากการฟื้นตัวของค่าจ้างแรงงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ทันค่าครองชีพ ขณะที่การเร่งตัวของอุปสงค์คงค้าง (pent-up demand) ตามการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 และการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมของภาครัฐ จะกระจุกตัวอยู่ในครัวเรือนรายได้สูงเป็นส่วนใหญ่ และภาคธุรกิจจะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นและอัตรากำไรที่ลดลง โดยมีแนวโน้มทยอยปรับราคาสินค้าทั่วไปเพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นมายังผู้บริโภคมากขึ้นเป็นลำดับ และชะลอ การลงทุนจากความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น
ขณะที่การส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผ่านแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยุโรปที่ชะลอลงกว่าคาดและปัญหาการชะงักงันของอุปทาน (supply disruption) ที่รุนแรงขึ้น ทำให้ในภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้ ขยายตัวได้ที่ 6.1% แต่เป็นผลจากปัจจัยด้านราคาที่สูงขึ้นตามต้นทุนโดยเฉพาะในหมวดพลังงานมากกว่าการเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ
สำหรับภาคการท่องเที่ยว มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวของภาครัฐที่ผ่อนคลายขึ้น รวมถึงการทยอยเปิดการเดินทางของหลายประเทศในแถบเอเชีย จะช่วยชดเชยการชะลอลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรปที่ถูกกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนผลกระทบจากต้นทุนการเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้บางส่วน ส่งผลให้ในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าไทยราว 5.7 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่5.9 ล้านคน ขณะที่ตลาดแรงงานนั้น การฟื้นตัวของภาคบริการตามทิศทางการเปิดเมืองจะส่งผลให้การจ้างงานในประเทศทยอยฟื้นตัว แต่ตลาดแรงงานไทยยังคงมีความเปราะบางจากชั่วโมงการทำงานที่ลดต่ำลงมาก การไหลกลับของแรงงานไปในภาคเกษตร รวมถึงแนวโน้มการทำงานอิสระที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดทั้งปัญหาระยะสั้นจากรายได้จากการทำงานลดต่ำกว่าเดิมค่อนข้างมาก และปัญหาระยะยาวจากจำนวนผู้ว่างงานระยะยาวที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการและการปรับทักษะของแรงงานลดลง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวและปัญหาแรงงานไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่งผลให้ธุรกิจโดยเฉพาะในหมวดก่อสร้างและโรงแรมที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมืองใหญ่ประสบปัญหาการหาแรงงานและมีต้นทุนที่สูงขึ้น จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ค่าจ้างจากการทำงานจะมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างช้า ๆไม่เพียงพอต่อการชดเชยค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่รายได้ที่แท้จริง (หักเงินเฟ้อ) ของแรงงานโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครปรับลดลงกว่า 10%
“ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นตามทิศทางราคาพลังงานโลก จะส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ยังคงเผชิญปัญหาแผลเป็นทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านรายได้ครัวเรือนจากตลาดแรงงานที่ซบเซา ภาระหนี้ครัวเรือนสูง ภาครัฐจึงยังควรมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบของครัวเรือนโดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อย” นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ดีEIC มองว่า นโยบายการตรึงราคาน้ำมันดีเซลแบบหน้ากระดาน มีผลเสียที่ไม่ตั้งใจอย่างน้อย 3 มิติ คือ1. เงินอุดหนุนส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกใช้เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้มีรายได้น้อย เพราะผู้ได้รับประโยชน์หลักคือครัวเรือนที่มีรายได้สูง 2. การตรึงราคาพลังงานที่ระดับใดระดับหนึ่งนานเกินไป ทำให้บัญชีเดินสะพัดขาดดุลมาก เป็นภาระด้านงบประมาณ ไม่ยั่งยืน สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจหากภาครัฐจำเป็นต้องยกเลิกอุดหนุนโดยฉับพลัน ส่งผลให้ราคาพลังงานต้องปรับสูงขึ้นรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจชะงักงันได้ และ3. ในระยะยาว การอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิลที่ไม่สะท้อนต้นทุนเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดปัญหาเชิงโครงสร้างด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ต่ำและการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลมากเกินไป ดังนั้นภาครัฐจึงควรเปลี่ยนมาตรการโดยเน้นการบริหารราคาพลังงานในลักษณะทยอยปรับขึ้นราคา ไม่ฝืนทิศทางตลาด เพื่อให้เวลาผู้บริโภคในการปรับตัว และเสริมด้วยมาตรการการอุดหนุนเฉพาะจุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน! แรงงานไทยตาย 1 ราย สถานทูตไทยในอิสราเอล เผย 11 พื้นที่ห้ามทำงาน-พักอาศัย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (11 ต.ค. 67) ได้เกิดเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir'o
หลายฝ่ายกำลังหวั่นกลัวการตอบโต้ของอิหร่าน
นักการทูตอาหรับและกลุ่ม G7 เรียกร้องให้อิหร่านและอิสราเอลใช้ความยับยั้งชั่งใจ แต่ฝ่ายต่างๆ ในความขัดแย้งกลับใช้วาจา
องค์กรสิทธิมนุษยชนรายงานการข่มขืนหมู่ในเมืองหลวงคาร์ทูมของซูดาน
สงครามระหว่างนายพลในซูดานยืดเยื้อมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ขณะนี้องค์กร Human Rights Watch ได้บันทึกข้อมูล
อิหร่านขู่อิสราเอล หลังจากนายทหารปฏิวัติเสียชีวิตอีกคนในซีเรีย
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเมืองดามัสกัสเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนทำให้นายพลระดับสูงของอิหร่านต้องเสียชีวิต ครั้
เลขาฯ ยูเอ็นสะพรึง สหรัฐฯ เตรียมจัดหาอาวุธใหม่ให้กับอิสราเอล
ขณะที่กองทัพอิสราเอลรุกคืบเข้าไปในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ตามรายงานของสื่อ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิต