สินค้าสับปะรดกระป๋องและกระจกไทยเฮ หลังจากออสเตรเลียประกาศยุติการเก็บ AD หลังจากที่เก็บมาแล้ว 10–20 ปี ลุ้นส่งออกไปออสเตรเลียได้มากขึ้น
25 ต.ค. 2564 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 หน่วยงานไต่สวนของออสเตรเลียได้ประกาศยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) กับสินค้าสับปะรดกระป๋องสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (ขนาดมากกว่า 1 ลิตร) และสำหรับผู้บริโภค (ขนาดไม่เกิน 1 ลิตร) หลังจากเปิดทบทวนการใช้มาตรการ AD เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 และสินค้ากระจกโฟลตใส เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ทำให้สินค้าดังกล่าว จะไม่ถูกใช้มาตรการ AD อีกต่อไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
สำหรับสินค้าสับปะรดกระป๋อง ออสเตรเลียได้ประกาศผลให้ยุติการใช้มาตรการกับสินค้าทั้งจากไทยและฟิลิปปินส์ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในออสเตรเลียไม่ได้รับความเสียหายจากสินค้าที่นำเข้าจากไทยและฟิลิปปินส์แล้ว โดยไทยถูกเรียกเก็บอากร AD จากสินค้าสับปะรดกระป๋องมายาวนานถึง 20 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 ในอัตรา 9.6–28.6 % ของราคา C.I.F. สำหรับชนิดใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และอัตรา 2.6–16.8 % ของราคา C.I.F. สำหรับชนิดผู้บริโภค
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2561 ถึงปัจจุบัน ออสเตรเลียนำเข้าสับปะรดกระป๋องทั้งสองประเภทจากไทยมีมูลค่าประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าการนำเข้ารวมของออสเตรเลียประมาณ 23-29 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2563 ไทยมีส่วนแบ่งการนำเข้าร้อยละ 32 ของการนำเข้าสินค้าสับปะรดกระป๋องของออสเตรเลียทั้งหมด เป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์ และในเดือน ม.ค.-ส.ค.2564 ไทยมีส่วนแบ่งการนำเข้าเป็นอันดับหนึ่ง โดยคิดเป็นร้อยละ 36 ของการนำเข้าสินค้าสับปะรดกระป๋องของออสเตรเลียทั้งหมด
ส่วนสินค้ากระจกโฟลตใส ออสเตรเลียได้ประกาศผลให้ยุติการใช้มาตรการกับสินค้าจากไทยและจีน เนื่องจากไม่มีเหตุให้เชื่อว่าไทยจะทุ่มตลาดอีก แต่ยังใช้มาตรการกับสินค้าจากอินโดนีเซียต่อไปในอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด 15.3–28.3% ของราคา C.I.F. ไทยจึงมีความได้เปรียบในการส่งออก โดยไทยถูกเรียกเก็บอากร AD จากสินค้ากระจกโฟลตใสมานานถึง 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2554 ในอัตรา 8.8–25.8% ของราคา C.I.F. โดยในปี 2563 ไทยมีส่วนแบ่งการนำเข้าร้อยละ 10 ของการนำเข้าสินค้ากระจกโฟลตของออสเตรเลียทั้งหมด เป็นอันดับ 4 รองจากมาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินโดนีเซีย และในเดือน ม.ค.-ส.ค.2564 ไทยมีส่วนแบ่งการนำเข้าคิดเป็นร้อยละ 6 ของการนำเข้าสินค้ากระจกโฟลตของออสเตรเลียทั้งหมด ทั้งนี้ ออสเตรเลียนำเข้ากระจกโฟลตใสจากไทยประมาณ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าการนำเข้ารวม 28-45 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การประกาศยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าไทย จึงนับว่าเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกสินค้าสับปะรดกระป๋องทั้ง 2 ประเภทและสินค้ากระจกโฟลตใสที่จะทำให้ผู้นำเข้าในออสเตรเลียสั่งสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากผู้นำเข้าไม่ต้องจ่ายอากร AD โดยเฉพาะสินค้าสับปะรดกระป๋องสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่ออสเตรเลียมีสับปะรดสดที่จำกัด จึงต้องพึ่งพาการนำเข้า จากนี้ต่อไปขอให้ผู้ส่งออกไทยพึงระวังในการกำหนดราคาส่งออก เนื่องจากหากส่งออกด้วยราคาทุ่มตลาด ออสเตรเลียก็อาจฟ้องเพื่อใช้มาตรการตอบโต้อีกครั้งได้และขอให้ใช้โอกาสจากการได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เพื่อให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในออสเตรเลีย”นายกีรติกล่าว