เอกชนโอดพิษสงครามทำชิป – ชิ้นส่วนขาดแคลนหนัก ส.อ.ท.ชี้ยอดรถยนต์นั่งวูบ กัดฟันตรึงเป้า 1.8 ล้านคัน จี้รัฐเร่งเพิ่มปั๊มชาร์จอีวี กระตุ้นการใช้-ตลาดบูม พร้อมขอให้ดึงราคาเหลือ 6 แสนกว่า
23 มีนาคม 2565 – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนก.พ.65 อยู่ที่ 79,451 คัน ลดลง 0.02% จากเดือน ก.พ.64 และลดลง 13.77% จากเดือน ม.ค.65 เนื่องจากการชะลอผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่น เป็นผลจากการขาดแคลนชิป และชิ้นส่วน ทำให้การส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 2 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ก.พ. 65) อยู่ที่ 149,284 คัน ลดลง 2.81% เทียบจากช่วงเดียวกันของปี 64 แต่มีมูลค่าการส่งออก 88,312.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ ตอนนี้เป้าส่งออกรถยนต์ที่ตั้งไว้ 1 ล้านคันไม่แน่ใจว่า จะมีผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิปหรือไม่ เพราะรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตสินแร่ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิปและแบตเตอรี่ ทำให้ราคาสูงขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 50% ขอรอดูสถานการณ์อีก 1-2 เดือน ซึ่งสองเดือนแรกของปีนี้ ที่ยังไม่เกิดเหตุก็มีผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิปอยู่แล้ว ต้องดูว่าสถานการณ์ยืดเยื้อหรือลุกลามบานปลายหรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้จะประเมินว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้ง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเร็วจากที่คาดไว้ว่าจะเป็นช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ ซึ่งตอนนี้ยังคงเป้าการผลิตรถยนต์ปีนี้ไว้ที่ 1.8 ล้านคัน” นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือน ก.พ.65 อยู่ที่ 155,660 คัน เพิ่มขึ้น 0.30% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศและผลิตส่งออกที่เพิ่มขึ้น 27.82% แต่ยังผลิตรถยนต์นั่งลดลงจากการการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนในบางรุ่น และยังกังวลการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนที่อาจรุนแรงขึ้นจากสงครามยูเครนจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 2 เดือนปีนี้อยู่ที่ 307,407 คัน เพิ่มขึ้น 1.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดขายภายในประเทศมีจำนวน 74,489 คัน เพิ่มขึ้น 26.3% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลอนุญาตให้จัดกิจกรรมด้านเศรษฐกิจมากขึ้น การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 การรับประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน
ส่วนยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ปีนี้คาดว่า มียอดจดทะเบียน 4,000 – 5,000 คัน จากปี 64 มียอดจดทะเบียน 1,900 คัน แต่ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ และราคาที่ยังสูงอยู่ หากมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาประมาณคันละ 6 – 6.5 แสนบาทได้ และจากนโยบายที่รัฐส่งเสริมที่ชัดเจน รวมถึงค่ายรถต่างๆ เริ่มตื่นตัวในการออกโปรโมชั่นยานยนต์ไฟฟ้า มีความเป็นไปได้ที่ยอดจดทะเบียนปีนี้จะเพิ่มเป็น 8,000-10,000 คันได้
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานโตโยต้าในรัสเซียได้ปิดไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหาสินแร่ที่ผลิตแบตเตอร์รี่ และเซมิคอนดักเตอร์ ขาดแคลน จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาพลังงานมีปัญหา หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สินเชื่อรถยนต์เข้ม หนี้ครัวเรือนสูง ฉุดการผลิตงวด ก.ค. 67 ลดลง 16.62%
ส.อ.ท.ชี้สินเชื่อรถยนต์เข้ม หนี้ครัวเรือนสูง กดดันยอดขายในประเทศหดตัว ฉุดการผลิตงวด ก.ค. 67 ลดลง 16.62% พร้อมโดนสงครามซ้ำเติม ตลาดกลุ่มประเทศลูกค้าไม่โต ยอดส่งออกร่วง 22.70%
สถาบันอาหาร - ส.อ.ท. - สภาหอการค้าฯ ชี้ส่งออกอาหารไทยครึ่งปีแรก 67 โต 9.9% มูลค่า 8.5 แสนล้านบาท
สถาบันอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยการส่งออกสินค้าอาหารของไทย 6 เดือนแรกปี 2567 มีมูลค่า 852,432 ล้านบาท
ส.อ.ท.โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดต่ำอีกระลอก
ส.อ.ท.โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดต่ำอีกระลอก งวดพ.ค. อยู่ที่ระดับ 88.5 รับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยยังผันผวน กำลังซื้อเปราะบางจากหนี้ครัวเรือน-หนี้เสีย ผนวกราคาน้ำมันแพงดันต้นทุนสูง คาดการณ์ไตรมาสหน้าไม่ฟื้นหวังรัฐเข้าช่วย ผุดมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน
มพช. แจงปมของบ ส.อ.ท. ทำวิจัย
ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน (มพช.) พร้อมด้วยคุณพรอรัญ สุวรรณพลาย กรรมการและเหรัญญิก มพช.