23 มี.ค. 65 – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ ว่า วันนี้ (23 มี.ค. 65) เป็นการประชุมร่วมกันกับเต็มรูปแบบมีองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุมเพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและทุกภาคทั่วประเทศเป็นการล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลผลิตปี 65 จะมีผลผลิตผลไม้เพิ่มขึ้น 13% ปริมาณรวมทั้งหมด 5.4 ล้านตัน สิ่งที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้คือประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและกำหนดมาตรการเชิงรุกล่วงหน้าตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมาคือมาตรการ 17+1 โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมาตรการเปิดด่านเพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18
สำหรับการเตรียมตลาดล่วงหน้ารองรับนั้น ขณะนี้การใช้ 17 + 1 มาตรการ ที่ผ่านมามีการเตรียมตลาดรองรับไว้แล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป โดยผลไม้ไทยตลาดใหญ่คือประเทศจีนที่ส่งออกปี 2564 มีมูลค่า 163,000 ล้านบาท ปริมาณ 2,200,000 ตันโดยประมาณ ซึ่งการส่งออกไปจีนทำได้ 3 เส้นทางหลัก คือ ทางเรือ 51% ทางบก 48% และทางอากาศ 0.54%
การประชุมวันนี้ภาคเอกชนนำเสนอทางออกร่วมกัน 8 ประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการตลาด การส่งออกตลาดจีนโดยประเด็นที่หนึ่ง จะเจรจากับทางการจีนขอให้ช่วยเปิดด่าน เดิมเปิด 4 ด่าน ปิดไป 1 ด่าน คือ ด่านตงซิง จะขอความร่วมมือจากจีนให้ช่วยเปิดด่านตงซิง เพื่อระบายผลไม้ออกไปได้ รวมทั้งขยายเวลาเปิดด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกผลไม้ไทย ตนมอบให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรเจรจาต่อไป
ประเด็นที่สอง ทางฝั่งลาวที่เราส่งผลไม้ไปจีน โดยเฉพาะเชียงของ ไปโม่ฮาน ของจีนและผ่านด่านบ่อเต็น ขอให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรและกระทรวงการต่างประเทศช่วยเจรจา ในการถ่ายรถ ซึ่งเดิม รถไทยสามารถผ่านด่านไปเชียงของและถ่ายรถครั้งเดียวที่ด่านบ่อเต็น เข้าจีนได้เลย แต่ช่วงหลังทางการลาวเปลี่ยนระบบให้ถ่ายรถที่ด่านเชียงของอุปสรรคคือ รถลาวมีไม่เพียงพอ จะเจรจาขอให้กลับไปเหมือนถ่ายรถที่เดียวที่ด่านบ่อเต็น หรือให้ทางการลาวเพิ่มรถ
ประเด็นที่สาม การขนส่งทางเรือ ประเด็นตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายแล้ว และค่าระวางเรือยังทรงอยู่ เราอยากให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าของไทยมากขึ้น ถ้ามีมาตรการอนุญาตให้มีการถ่ายลำจะจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามา นำตู้เข้ามาได้มากขึ้น ช่วยให้เรามีตู้ส่งออกไปได้มากขึ้น กรมการค้าต่างประเทศร่วมกับเอกชนและหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องร่วมเจรจากันให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
ประเด็นที่สี่ การขนส่งทางอากาศ ตนมอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สายการบินต่างๆ รวมทั้งผู้ส่งออกเร่งเจรจาร่วมกัน และ EXIM Bank ในฐานะช่วยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน ให้ต้นทุนการขนส่งทางอากาศลดลง เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้ปีนี้ไปยังจีน
ประเด็นที่ห้า เรื่องเส้นทางการขนส่งผ่านรถไฟโดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ซึ่งรถไฟลาวจีน จะเริ่มต้นจากหนองคายไปเวียงจันทน์และเข้าจีนที่ด่านโม่ฮาน แต่ด่านโม่ฮาน ยังไม่เสร็จต้องรอเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตนมอบให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตร เจรจากับทางการ สปป.ลาว ว่าถ้าขนส่งผลไม้ผ่านรถไฟลาว-จีน เมื่อเข้าเวียงจันทน์ให้ผ่านด่านโม่ฮาน แล้วไปตรวจที่คุนหมิงทีเดียวที่เป็นจุดหมายปลายทาง หรือจะให้ตรวจที่ด่านบ่อเต็นก็ได้ เนื่องจากด่านโม่ฮานยังไม่เสร็จเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายผลไม้
ประเด็นที่หก เรื่องเวียดนามการขนส่งผลไม้ผ่านนครพนม ไปลาว ไปเวียดนามแล้วไปจีนต้องผ่านเวียดนาม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ในวันที่ 20 เมษายน 2565 ตนจะหยิบยกประเด็นนี้ในระดับรัฐมนตรีมาเจรจากับทางการเวียดนามขออำนวยความสะดวกและช่วยลดการจราจรที่ติดขัดหน้าด่านฝั่งเวียดนาม
ประเด็นที่เจ็ด เอกชนขอให้ช่วยเจรจากับทางการจีน ประเด็นรถที่ตรวจพบโควิดที่ด่านก่อนเข้าด่านจีน ปกติจีนจะนำไปฉีดฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและปิดด่าน ให้เจรจาว่าพ่นฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับ ยินดีให้แบล็คลิสต์ แต่ขออย่าปิดด่าน
ประการที่แปด เรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานช่วยเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ภาคตะวันออก หรือจังหวัดอื่นๆที่จำเป็น ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯร่วมกัน และผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายล้งเมื่อหมดฤดูผลไม้ทางภาคตะวันออกและผลไม้ภาคใต้ออกให้อำนวยความสะดวกไปรับซื้อที่ภาคใต้ด้วย
ทุกฝ่ายร่วมมือกันทั้งเกษตรกรผู้แปรรูป ล้ง ผู้ส่งออกและส่วนราชการทั้งหมด ช่วยหาหนทางให้การส่งผลไม้ส่งออกไปตลาดในประเทศและต่างประเทศ สามารถดำเนินการไปได้ด้วยดีที่สุด
กรมการค้าภายในรายงานว่าผลผลิตผลไม้ปี 2565 จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 13% หรือประมาณ 5,426,555 ตัน สำหรับตลาดและการบริโภคผลไม้ในปี 2565 จะแบ่งออกเป็นตลาดในประเทศ 30% และตลาดต่างประเทศ 70% โดยตลาดในประเทศจะประกอบด้วยห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหารและแปรรูป และตลาดต่างประเทศ คือ จีน 65% สหรัฐอเมริกา 10% ฮ่องกง 4% เวียดนาม 3% และมาเลเซีย 1% โดยตลาดต่างประเทศนั้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะขยายตลาดใหม่ นอกจากนี้เพิ่มเติมรวมทั้งจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าผลไม้ตามด่านชายแดนอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทย-ตุรกี ชื่นมื่น รมช. สุชาติ จับมือ รมช. การค้าตุรกี ผลักดันเจรจา FTA ต่อ เพื่อสานสัมพันธ์การค้าการลงทุน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้พบหารือทวิภาคีกับนายมุสตาฟา ตุซคู (H.E. Mr. Mustafa Tuzcu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าสาธารณรัฐตุรกี ในห้วงการเดินทางเยือนตุรกี เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการถาวรว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า
“รมช. สุชาติ” ร่วมเวทีครบรอบ 40 ปี COMCEC กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับโลกมุสลิม มุ่งส่งเสริมการค้าผ่านระบบดิจิทัล
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุม COMCEC ครั้งที่ 40 ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า มุ่งกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศมุสลิม
พาณิชย์ติดตามสถานการณ์ข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่ของเกษตรกร พร้อมเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรใน นบข. 8 พ.ย.นี้
พาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ทุ่งกุลาร้องไห้ ติดตามการซื้อขายข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลใหม่ ที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด และพบปะกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์