อ่านเลย 'ขนส่งฯ' แนะวิธีขับรถให้ประหยัด รับมือวิกฤตน้ำมันแพง

‘กรมการขนส่งทางบก’ชวนเจ้าของรถประหยัดพลังงานสู้วิกฤตน้ำมันแพง แนะวิธีขับขี่ให้ประหยัดน้ำมัน ลดภาระค่าใช้จ่าย ยืดอายุการใช้งานรถยนต์ ลดมลพิษทางอากาศ

16 มี.ค.2565-นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า จากวิกฤตพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้ ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานในประเทศไทยปรับตัวขึ้นตามราคาตลาดโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น กรมการขนส่งทางบกขอแนะนำวิธีขับขี่รถที่จะช่วยประหยัดพลังงาน ลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นวิธีง่ายๆ ที่เจ้าของรถสามารถทำได้ทันที ดังนี้

1. ควรใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องจากช่วงความเร็วนี้ ทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ดีที่สุด ทั้งนี้ ควรใช้เกียร์ที่เหมาะสมเพื่อมิให้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไป 2. ไม่ควรเบิ้ล กระชาก ลากเครื่องยนต์ เนื่องจากการเร่งเครื่อง การเหยียบคันเร่งจนมิด จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น นอกจากสิ้นเปลืองแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนเกินจะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เกิดเป็นมลพิษ หรือในกรณีเครื่องยนต์ดีเซลก็จะทำให้เกิดควันดำ เพิ่มปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศอีกด้วย ดังนั้น การค่อยๆ เหยียบคันเร่ง ขับรถให้นิ่มนวล ใช้ความเร็วสม่ำเสมอจะช่วยประหยัดน้ำมันทันทีตั้งแต่ช่วงที่ออกตัว

3. ไม่ควรเร่งรถหรือเบรกกะทันหัน การเร่งความเร็วบ่อยครั้งและเบรกอย่างหนักเป็นการกระตุ้นให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น เพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทั้งคนขับรถและผู้ใช้รถใช้ถนนอีกด้วย ดังนั้น ผู้ขับจะต้องหมั่นคาดการณ์สภาพจราจรด้านหน้าและรอบข้างตลอดเวลาที่ขับรถ เมื่อรถข้างหน้าหยุดหรือมีสิ่งกีดขวาง ควรค่อยๆ ชะลอความเร็วก่อนหยุด และเมื่อสภาพการจราจรด้านหน้าสะดวกจึงค่อยๆ เร่งความเร็วรถอย่างต่อเนื่อง การขับลักษณะนี้ นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ ล้อยาง และผ้าเบรกให้สึกหรอน้อยลงอีกด้วย

4. เติมลมยางตามกำหนดที่คู่มือรถแนะนำ การเติมลมยางจะช่วยลดการเผาผลาญน้ำมัน เพราะหากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางบดกับพื้นถนนและเกิดแรงต้านมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น และสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม การเติมลมยางแข็งเกินไปแม้ว่าจะช่วยลดแรงต้านของยาง แต่ก็จะทำให้การยึดเกาะถนนน้อยลง ดังนั้น จึงควรเติมลมยางตามที่คู่มือกำหนดและหมั่นตรวจเช็กลมยางด้วย  และ 5. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น การบรรทุกน้ำหนักมากจะส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ดังนั้น หากมีสัมภาระที่ไม่จำเป็นก็ควรจะนำออกจากรถซึ่งนอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยลงแล้วยังทำให้รถสะอาดเรียบร้อยอีกด้วย 

นายเสกสม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันเจ้าของรถควรหมั่นตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถตรวจเช็กรถเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หรือนำรถเข้าศูนย์บริการให้ช่างที่มีความชำนาญดำเนินการ โดยควรหมั่นทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาหรือเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนดสำหรับรถที่ใช้งานหนัก เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ผู้ผลิตรถกำหนด

นอกจากนี้ต้องตรวจเช็กและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นละอองและมีแรงดันตามที่ผู้ผลิตกำหนด ปรับตั้งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงและตั้งจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง เพื่อยืดเวลาการใช้งานรถยนต์ออกไปให้ยาวขึ้น ซึ่งวิธีการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการค่าบำรุงรักษารถและลดค่าเชื้อเพลิงให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่ง ทั้งยังช่วยลดมลพิษทางอากาศอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวนาบุรีรัมย์ช้ำในอก น้ำมันแพงพุ่ง แบกรับต้นทุนเพิ่ม

เสียงสะท้อนชาวนาบุรีรัมย์  ชี้ได้รับผลกระทบหนัก น้ำมันแพง ทำต้นทุนเพิ่มอื้อ  จี้รัฐบาลอย่านิ่งูดายจริงจังแก้ไขปัญหาราคา

'คมนาคม' สั่ง 'ขนส่ง-บขส.' เร่งสอบสาเหตุอุบัติเหตุรถทัวร์มรณะคร่าชีวิต 14 ศพ

“สุรพงษ์”เผยอุบัติเหตุรถทัวร์มรณะ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ สั่ง “ขนส่ง-บขส.” เร่งช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ-ตรวจสอบสาเหตุวางแนวป้องกัน ย้ำหากพบกระทำผิดพร้อมลงโทษตามกฎหมายทันที โชเฟอร์ ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำและปรับ ส่วนผู้ประกอบการ ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท

บุกจับแก๊งค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ 'กลุ่มเจ๊ฟาง' ลอบขนน้ำมันจากมาเลเซียเข้ามาขายในไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย

ขบ.เร่งแผนบริหารศูนย์ขนส่งสินค้าเชียงแสน 2.86 พันล้าน

“ขนส่งฯ” จ่อชง ครม.ชุดใหม่ ก.ย.-ต.ค.66 ไฟเขียวเอกชนเข้าบริหาร “ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ” มูลค่า 2.86 พันล้าน สัมปทาน 15 ปี พร้อมลุยสร้างเฟส 2 ช่วง พ.ค.นี้ แล้วเสร็จปี 68 หนุนขนส่งสินค้าทางถนนเชื่อมไทย-ลาว-จีน ส่วน “สถานีขนส่งสุราษฎร์ฯ” ลุยทบทวน PPP คาดเสนอ ครม.ภายในปลายปีนี้