เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ สถานการณ์สู้รบระหว่าง รัสเซียกับยูเครน เพิ่มความตึงเครียด สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานไปในทิศทางเดียวกัน กองกำลังรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปที่อยู่ทางตอนใต้ของยูเครน ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรง สร้างความกังวลทั้งปมประเด็นกังวลค่ากัมมันตรังสีรั่วไหล หรือเลวร้ายที่สุดเกิดระเบิดขึ้นมาจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์เชอร์โนบิล 10 เท่า เป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกไม่อยากให้เกิดขึ้น แม้ในเวลาต่อมาจะมีการออกแถลงการณ์ตามมา โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังอยู่ในระดับปลอดภัย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวั่นวิตกอย่างยิ่ง และก็ไม่รู้ในวันข้างหน้าจะมีเหตุอะไรให้ชวนน่าขนลุกอีกหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบโดยตรงมายังประเทศไทยคือ พลังงาน เห็นได้จากราคาน้ำมันที่ขยับปรับราคาขึ้นมาหลายรอบ และยังไม่มีทีท่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ จนกว่าเหตุการณ์ความตึงเครียดทั้ง 2 ประเทศจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
เรื่องความไม่สงบของ 2 ประเทศยังคงต้องว่ากันอีกยาว ประเทศไทยภายใต้การนำของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจากท่าทีของไทยแสดงออกผ่านการประชุมวาระพิเศษเร่งด่วนครั้งที่ 11 สมาชิกสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) มีประเทศสมาชิก ไทย 1 ใน 141 ประเทศ ที่ลงคะแนนเรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครน และถอนกองทัพทั้งหมดออกไปโดยทันทีไปแล้ว
อีกสิ่งหนึ่ง รัฐบาลไทยต้องวางแผนรับมือให้ดี ราคาน้ำมันที่ขยับปรับตัวขึ้นสูงจะส่งผลกระทบหลายอย่างตามมา หากรัฐบาลเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่เป็นน้ำมันหลักของภาคการขนส่ง ผู้ประกอบการเดินรถสาธารณะ รถบรรทุก จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจำกัดวงที่จะก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ให้ราคาต้นทุนสินค้า ภาคบริการอื่นๆ ต้องปรับตัวขึ้นไป ที่ปลายทางคนที่รับภาระเต็มๆ คือประชาชนนั่นเอง
เรื่องต่างประเทศยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยยังอยู่ในภาวะที่ผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตามแก้ไขอีกมาก การแพร่ระบาดไวรัสโควิด ที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงกว่า 2 หมื่นคนต่อวัน ติดต่อกันมาหลายวัน ความกังวลต่อเวชภัณฑ์ต่างๆ สถานที่พักรักษาตัว โรงพยาบาล ยารักษา ตลอดจนสิทธิในการรักษา ยังเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังสวมหมวกผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แม้ภาพรวมทุกวันนี้ผู้คนจะไม่ค่อยตื่นตระหนก เรียนรู้และเข้าใจในการอยู่กับโรคโควิดได้มากขึ้น แต่ยังประมาทไม่ได้ ภาคประชาชนตั้งการ์ดสูง ป้องกันตัวเอง ไม่พาตัวเองไปอยู่จุดสุ่มเสี่ยงของการแพร่ระบาด
มาตรการของภาครัฐต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพราะไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน คนทำมาหากิน ต่างไม่มีใครอยากเห็นภาพล็อกดาวน์อีกแล้ว
สถานการณ์การเมือง รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม รัฐนาวาประยุทธ์จะลากยาวอยู่ครบเทอมหรือไม่ ปัญหาสภาล่ม ปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มบ้านใหญ่ในชลบุรี ที่ต่างฝ่ายต่างมีส่วนร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ปัญหากลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หอบหิ้ว ส.ส.ออกจากพรรค 18 คน ไปสร้างเส้นทางใหม่ทางการเมืองในนามพรรคเศรษฐกิจไทย ที่พกความคับแค้นใจออกไปด้วย พร้อมจะจับมือร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านสั่งสอนรัฐบาลประยุทธ์ได้ทุกเมื่อ และคงจะรอโอกาสแผลงฤทธิ์
ว่ากันว่า นับจากเปิดสมัยประชุมสภาสมัยหน้า ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์จะเผชิญเรื่องสำคัญที่มีผลต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี 2-3 เหตุการณ์สำคัญเป็นอย่างน้อย
1.สมัยประชุมหน้า พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งในตอนตัดสินยังต้องอาศัยจำนวนมือจาก ส.ส.ในสภาว่าจะมีเสียงถึงกึ่งหนึ่ง เอาตัวรอดจากการปล้นอำนาจกลางสภาไปได้หรือไม่
ถึงแม้ฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ เสี่ยหนู-นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ความมั่นใจเสียงของรัฐบาลที่เป็นการรวบรวมเสียงของฝ่ายรัฐบาลเอง งูเห่าจากฝ่ายค้าน โดยไม่นับรวมกลุ่มธรรมนัสที่แยกตัวออกไป มีถึง 260 เสียง พร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรี
ทว่าอีกมุมมอง ถูกมองว่าเป็นการยกตัวเลขมาเพื่อหวังขู่ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ แต่ต้องแลกมาด้วยการต่อรองผลประโยชน์ ข้อเรียกร้องต่างๆ ที่บิ๊กตู่จะต้องฟังภูมิใจไทย ในฐานะผู้กุมเสียงส่วนใหญ่ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะหากภูมิใจไทยสนับสนุนรัฐนาวาประยุทธ์ก็ยังอยู่ได้ หากไม่สนับสนุนมีโอกาสกระเด็นตกเก้าอี้ได้เช่นกัน
2.การพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน พ.ร.บ.งบประมาณ ที่มองกันว่าหากกฎหมายการเงินไม่ผ่าน ความรับผิดชอบสุดท้ายจะมาตกอยู่ที่นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบ
3.วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258 วรรค 4 ที่ระบุนายกรัฐมนตรีมีวาระดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี โดยมุมมองฝ่ายค้านมองว่า วาระบิ๊กตู่ควรนับตั้งแต่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 23 ส.ค.2557 ดังนั้นจะครบวาระ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค.2565 หากถึงช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ชี้ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี
คาดกันว่า กระบวนการตัดสินของศาลน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 ที่ผลของคำวินิจฉัยชี้ขาดจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว
ความเคลื่อนไหวฝ่ายค้านช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา งานในสภาปิดเทอมไปก่อนชั่วคราว ไม่มีการประชุมสภาเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญ ยื่นกระทู้ ยื่นญัตติ ถามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จี้ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่างๆ
แม้จะปิดสมัยประชุม แต่ก็เป็นช่วงที่พรรคการเมืองได้ขยับทำกิจกรรมของพรรคตัวเองมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ปักหมุดเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค. นำทัพโดย จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค พร้อมคณะแกนนำ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยกพลไปเปิดเวที สัมมนา วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง พร้อมกับรับฟังปัญหาชาวบ้าน เก็บข้อมูลมาเพื่อเตรียมนำมาทำเป็นนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
พรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะยกคณะแกนนำพรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังปวงชนไทย แท็กทีมเดินสายในโครงการ ผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน เดินสายไปแต่ละภูมิภาค เปิดเวทีรุกไล่รัฐบาลประยุทธ์อย่างคึกคัก เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม จัดขึ้นที่ “กรุงเทพมหานคร” ภายใต้ธีม ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน : หมดเวลานายกฯ ก่อนประเทศหมดเวลา”
จากนั้น วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 จัดขึ้นที่ จ.น่าน ภายใต้ธีม “ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน : บริหารล้มเหลวซ้ำซาก ประชาชนจน ประเทศเจ๊ง” วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565 จัดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา ในหัวข้อ “ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน : รัฐบาลสั่นคลอน สภาล้มลุกคลุกคลาน” วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ จ.ชลบุรี หัวข้อ “ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน : รัฐธรรมนูญสู่ทางตัน การเมืองสู่วิกฤต”
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เตรียมจัดกิจกรรม คาราวานครอบครัวพรรคเพื่อไทย เช่นกัน ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม โดยเลือกคิกออฟวันที่ 19 มี.ค. เลือกเอาเมืองหลวงคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี เป็นที่แรก โดยกิจกรรมการเดินสายครั้งนี้เพื่อชักชวนให้ประชาชนสมัครบัตรครอบครัวพรรคเพื่อไทย ที่ว่ากันว่าบัตรนี้จะกลายเป็นของเล่นของเพื่อไทย ที่เตรียมจะนำมาต่อยอดเชิงนโยบายในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เป็นบัตรที่ผู้ครอบครองบัตรจะได้สิทธิพิเศษทางด้านร้านค้า การเข้าร่วมกิจกรรมหรือสิทธิพิเศษอื่นอีกมากมาย หากพรรคมีการจัดกิจกรรมขึ้น การจัดคาราวานครั้งนี้นอกจากคณะแกนนำ ส.ส. ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ยกคณะเดินสายไปพบประชาชน เช็กเรตติ้งความนิยม พร้อมกับปราศรัยจัดเวทีปลุกพลังรุกไล่รัฐบาลประยุทธ์แล้ว อาจจะได้เห็นหนึ่งในสามว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เดินทางร่วมทริปไปด้วย
พรรคฝ่ายค้านเดินสายเช็กเรตติ้งเปิดเวทีถล่มรัฐบาลประยุทธ์ปูทางรองรับ หากเกิดความไม่คาดฝันทางการเมือง หรือแม้แต่พรรคการเมืองหน้าใหม่เตรียมจะเปิดตัวอีกอย่างน้อย 2-3 พรรค เช่น ไทยสร้างสรรค์ ของอดีตแกนนำในรัฐบาล พรรคของนคร มาฉิม ที่พร้อมเปิดตัวประกาศแนวทางต่อต้านเผด็จการอย่างเข้มข้น พร้อมประกาศเสนอเป็นอีกทางเลือก
พรรคการเมืองที่อยู่ในสนามเลือกตั้ง พรรคพลังชล เตรียมขยับทำกิจกรรม เตรียมความพร้อม รองรับสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังไม่นับรวมพรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เริ่มทำกิจกรรมการเมืองมากขึ้น รองรับถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่พร้อมจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ทุกเมื่อ
ด้วยปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ภายนอกประเทศ เร่งเร้า ท้าทาย พิสูจน์ฝีมือในการแก้ไขปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านไปได้จนอยู่ครบเทอมในปี 2566 หรือเกิดสะดุดกลางคัน ต้องพังพาบลงในปี 2565 มีอันเป็นไปก่อนกำหนด ก็เป็นไปได้เหมือนกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2
ขวากหนามแก้รัฐธรรมนูญ คนกันเอง...เล่นเกมต่อรอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว