4 มี.ค.เดิมพันชีวิต-"วัฒนา" ยืนจำคุก 50 ปีหรือยกฟ้อง?

 วันศุกร์ที่ 4 มีนาคมนี้ เวลา 14.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังการอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ ใน คดีทุจริตการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 195 ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลฎีกา เมื่อ 24 ก.ย.2563 ที่ตัดสินจำคุกวัฒนา เพราะกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ รวมความผิด 11 กระทง กระทงละ 9 ปี รวม 99 ปี แต่คงจำคุกจริง 50 ปี ซึ่งศาลฎีกา ได้ตัดสิน และต่อมาศาลฎีกาให้ประกันตัววัฒนา โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10 ล้านบาท

อันเป็นคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายวัฒนากับพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ 

ซึ่งจำเลยในคดีดังกล่าวที่ดังๆ นอกจากวัฒนา ก็มีเช่น อภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักโทษคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ก็ถูกตัดสินจำคุกในคดีบ้านเอื้ออาทรเช่นกัน โดยคำพิพากษาของศาลฎีการะบุว่า เสี่ยเปี๋ยงได้อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาให้กับนายวัฒนาขณะเป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ แบบไม่เป็นทางการ ที่ศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิด 11 กระทง กระทงละ 6 ปี รวม 66 ปี จำคุกจริง 50 ปี เพราะมีหลักฐานเส้นทางการเงินและมีพฤติการณ์จากคำให้การของพยานที่เป็นนักธุรกิจที่เข้าไปรับงานการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรว่าถูกเสี่ยเปี๋ยงและพวกเรียกรับเงินค่าตอบแทนเพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้บริษัทเอกชนได้รับสัญญาการก่อสร้างจากการเคหะแห่งชาติให้ก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร โดยมีการทำเป็นขบวนการกับจำเลยอีกบางคนในคดีนี้ โดยมีการรับเงินทั้งที่เป็นเงินสดและโอนเป็นเช็คเข้าบัญชีหลายทอดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เช่น มีการนัดมอบเงินสดๆ หลายล้านบาท จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ โดยพบว่าเสี่ยเปี๋ยงและพวกเจรจาเรียกรับเงินค่าตอบแทนกับบริษัทเอกชนรวม 11 บริษัท และพบว่าการจ่ายเงินดังกล่าว บางบริษัทใช้วิธีลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายของบริษัทว่า เป็นค่าตอบแทนในการว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ โดยในชั้นสอบสวนมีการกันบริษัทเอกชนที่ให้เงินดังกล่าวไว้เป็นพยานเพื่อมัดตัวการใหญ่อย่างเสี่ยเปี๋ยง

นอกจากนี้ก็ยังมี อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช.-อดีต ส.ส.ไทยรักไทย ที่ตอนนี้หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ที่เคยเป็นข้าราชการการเมืองในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มาก่อน โดยในคำพิพากษาของศาลฎีการะบุตอนหนึ่งว่า นายอริสมันต์ได้เดินทางไปพบกับผู้บริหารบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง โดยมีการบอกว่าจะช่วยให้บริษัทได้รับสัญญาก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร โดยขอค่าตอบแทนเป็นเงินหลายสิบล้านบาท แต่ตกลงกันไม่ได้ และมีการปรับลดเงินลงมา และต่อมาพบเส้นทางการเงินว่ามีการจ่ายเช็คจากบริษัทดังกล่าวให้กับคนใกล้ชิดของอริสมันต์ หลังบริษัทได้รับสัญญาการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร แต่ตอนสู้คดี ฝ่ายอริสมันต์อ้างว่าเป็นค่านายหน้าขายที่ดิน ไม่ใช่เงินสินบน เป็นต้น

ซึ่งพบว่าพฤติการณ์เครือข่ายทุจริตบ้านเอื้ออาทรมีการวางแผนการรับเงิน-โอนเงินหลายทอดมาก เช่น บางรายขบวนการดังกล่าวให้บริษัทเอกชนโอนเงินสินบนเงินเข้าบัญชี ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีชื่อนำหน้าเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวก็ทำการโยกย้ายเงินออกจากบัญชีไปยังบัญชีเครือข่ายในเวลาอันรวดเร็ว 

ส่วนการลงโทษจำคุก วัฒนา เมืองสุข พบว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาก็ลงไว้โดยละเอียดในลักษณะมองว่า เครือข่ายดังกล่าวที่ศาลฎีกาเห็นว่ามีการกระทำในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ โดยที่อภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง มีการอ้างเรื่องการเป็นที่ปรึกษาของนายวัฒนา ขณะเป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ไปเจรจาเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม ในคำพิพากษาของศาลฎีกาก็ไม่ได้ระบุว่า พบเส้นทางการเงินมีการโอนเงินเข้าบัญชีนายวัฒนา หรือคนใกล้ชิดแต่อย่างใด

ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา วัฒนา ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการแถลงปิดคดีต่อศาลฎีกา โดยได้แถลงปิดคดีด้วยการต่อสู้ในประเด็นที่ว่า คดีนี้เป็นการฟ้องเกินกว่าข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. และก่อนหน้านี้ศาลไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิดอย่างไร ข้อเท็จจริงหลายเรื่องไม่เป็นความจริง เช่น การสั่งจ่ายเช็ค โดยอ้างว่านำไปให้ผู้ใหญ่ เพื่อตอบแทนการอนุมัติให้เซ็นสัญญาไม่ได้เกิดขึ้นสมัยที่เป็นรัฐมนตรี ประกอบกับ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่พบความผิดปกติ รวมทั้งยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยเปี๋ยง ที่อ้างเป็นที่ปรึกษาของตนเอง 

ก่อนหน้านี้เมื่อ 19 ก.พ.2565 วัฒนา เมืองสุข โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยยืนยันว่า จะไม่หนีคดี แน่นอน

"วันที่ 4 มีนาคม เวลา 14.00 นาฬิกา ผมจะไปศาลเป็นคนแรกเพื่อตามหาความยุติธรรมที่ผมรอมา 15 ปีแล้ว"

ทั้งนี้ นับแต่มีการตั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมา พบว่าการอุทธรณ์คดีหลังศาลฎีกาตัดสิน คำอุทธรณ์ส่วนใหญ่ของจำเลยหรือผู้ต้องคำพิพากษา จะไม่ได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เนื่องจากรัฐธรรมนูญในอดีตคือรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้บัญญัติไว้ว่า "ในกรณีที่ผู้ต้องคำพิพากษามีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้"

ซึ่งบทบัญญัติเดิมของรัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้คดีส่วนใหญ่ที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ ไม่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกา เพราะองค์คณะของศาลฎีกาเห็นว่าคำอุทธรณ์หรือข้อต่อสู้ของผู้ต้องคำพิพากษาไม่ได้เป็นพยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด เช่น คดียึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ของทักษิณ ชินวัตร ที่ทีมทนายความทักษิณเคยยื่นอุทธรณ์เช่นกัน แต่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา 

แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 195 มีการลดทอนความเข้มข้นดังกล่าวลง โดยไม่ได้บัญญัติเรื่องว่าต้องมีพยานหลักฐานใหม่ โดยบัญญัติแค่ว่า ให้จำเลยสามารถอุทธรณ์ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา

การอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ของศาลฎีกา ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร วันที่ 4 มี.ค.นี้ นอกจากเป็นเดิมพันชีวิตของ วัฒนา เมืองสุข นักการเมืองคนดังแล้ว หากสุดท้าย ถ้าผลการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแตกต่างไปจากตอนตัดสินคดีเดียวกันนี้ เมื่อปี 2563 ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องถูกพูดถึงตามมาอย่างมากแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ปริศนา'เรือดำน้ำ' เปิด5ประเด็นสะดุด'ตอ'

ทริปเร่งด่วน ที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม นำทีม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสายตรงของ “นายกฯ" และ “ชินวัตร” บินไปจีนเมื่อช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ ทร.ไทยจ้างบริษัทของจีนสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา

‘สภาสูง’ในเงื้อมมือค่ายน้ำเงิน ส่องภารกิจเลือก‘องค์กรอิสระ’

ภารกิจ 200 สว. แสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มารายงานตัวครบจบไม่ขาดไม่เกิน แต่สวนทางกับความอลหม่านที่กลุ่มต่างๆ ภายในสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วยกันเอง