โควิดควรปรับเป็น 'โรคประจำถิ่น' ได้หรือไม่

สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่มีการระบาดในระลอกที่ 5 จุดสูงสุดของการติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ 1.6 หมื่นคน ทำให้หลายคนมองว่าจะกลับมาระบาดสูงอีกครั้งเหมือนกับช่วงที่ไทยพบการระบาดจากระลอกอัลฟา (อังกฤษ ) เดลตา (อินเดีย) หรือไม่

อย่างที่ทราบกันว่าการระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอน เป็นไวรัสที่มีความรุนแรงน้อยกว่า เดลตา แต่ทว่าเชื้อตัวนี้ยังคงเป็นไวรัสที่อันตรายในแง่ของการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำฉากทัศน์การคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อในอนาคตไปแล้ว

โดย นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ได้ระบุมาก่อนหน้านี้แล้วว่า แม้ตัวเลขติดเชื้อจะขยับขึ้นสูง แต่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กระทรวงสาธารณสุขเคยคาดการณ์สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเอาไว้ว่า อาจติดเชื้อ 30,000 รายต่อวัน ในช่วงแรกสถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มสูง แต่ด้วยการเคร่งครัดมาตรการ VUCA (Vaccination-Universal Prevention-Covid free setting-ATK) ทำให้ยอดติดเชื้อของไทยกลับมาอยู่ในระดับต่ำสุด

ดังนั้นแม้ยอดติดเชื้อจะอยู่ระดับหมื่นรายต่อวัน ก็ยังถือว่าเป็นไปตามคาดการณ์ไว้แต่ต้น ไม่ได้สูงกว่าที่คาดการณ์แต่อย่างใด

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตยังมาจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนมานานแล้ว จึงอยากเชิญชวนประชาชนเข้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเข็ม 4

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติเห็นชอบ และคาดกันว่าโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 จะเป็นตัวปิดเกมการระบาดของโควิดอันยาวนานมากว่า 2 ปี แต่ฝั่งผู้ไม่เห็นด้วยเกรงว่าโอมิครอนจะกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นมากกว่า

การที่โควิดจะเป็น โรคประจำถิ่น ต้องขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ที่ว่า 1.ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ ต้องไม่เกิน 10,000 คนต่อวัน 2.อัตราป่วยเสียชีวิต ไม่เกิน 1 ต่อ 1,000 คน 3.การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล น้อยกว่า 10% และ 4.ประชาชนมีภูมิต้านทานเพียงพอ โดยกลุ่มเสี่ยงสูงต้องได้วัคซีนอย่างน้อย 2 โดส มากกว่า 80%

แต่ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา มองในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้น โดยได้โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า 12 ก.พ.2565 ติดเชื้อเพิ่ม 16,330 ราย เป็นสถิติสูงสุดต่อเนื่องสำหรับโควิดระลอกที่ 4 โดยสูงกว่า 10,000 ราย เป็นวันที่ 8 ต่อเนื่องกัน โดยโควิด-19 ระบาดระลอกที่ 4 หรือระลอกใหม่ (ม.ค.2565) จากไวรัสโอมิครอน สำหรับในบางประเทศของซีกโลกตะวันตก ซึ่งเกิดการระบาดก่อนประเทศไทย ได้ผ่านจุดสูงสุดหรือพีก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงเร็วมากเป็นประวัติการณ์ และก็ลงค่อนข้างเร็ว เช่น ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

สำหรับประเทศไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และยังไม่ถึงจุดสูงสุด จึงจำเป็นต้องเฝ้าติดตามด้วยความระมัดระวังกันต่อไป ลักษณะเด่นของการระบาดระลอกนี้ คือการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อด้วยความชันหรืออัตราที่เร็วกว่าเดลตา และมีโอกาสที่จุดสูงสุดจะมากกว่าของเดลตาได้ด้วย ซึ่งของเดลตาในรอบที่แล้วคือ มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 23,418 ราย เมื่อ 13 ส.ค.2565 ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อห่างจากจุดสูงสุดเพียง 7,088 ราย จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จำนวนผู้ติดเชื้อของโอมิครอนจะทำลายสถิติของเดลตา และคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือน ก.พ.นี้

หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพุ่งสูงเกินกว่า 1 หมื่นคนต่อวันต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายวัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง รวมถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก ทำให้ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งปรับแผนเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและทั่วประเทศ เพื่อบูรณาการเตรียมความพร้อมในการรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น โดยให้ปฏิบัติตามนโยบาย HI-CI-ATK first

โดยมีใจความว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยสะสมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการและจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดจากเครือข่ายภาคเอกชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และให้การดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้น

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงขอความร่วมมือให้ผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ดำเนินการการคัดกรองตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในผู้ที่มีความเสี่ยงให้ใช้ชุดตรวจ (ATK) และใช้การตรวจ Real Time RT-PCR เฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น 2.ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับสีเขียว ให้ดำเนินการแยกกักตัวและรักษาที่บ้าน Home Isolation หรือ Community Isolation

เมื่อดูอีกฟากในประเทศแถบยุโรป มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละกว่าแสนราย ยกตัวอย่างสเปน ติดเชื้อวันละ 2-3 หมื่นราย แต่ประกาศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการอย่างเต็มที่ ตามแนวทางหลายประเทศทั่วโลกกำลังจะปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ขณะที่ บูรไน เป็นชาติแรกของโลก ประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่ 15 ธ.ค.2564 แต่การรักษาพยาบาลและตรวจหาผู้ติดเชื้อยังคงดำเนินการต่อไป

ส่วน องค์การอนามัยโลก ยืนยันการระบาดใหญ่ของโควิดยังไม่จบสิ้น และเร็วเกินไปที่จะบอกว่าวิกฤตใกล้จะถึงจุดจบ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โควิดจะยังไม่ไปจากเรา หากโอมิครอนยังคงกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว

ทำให้ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะบอกว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น อีกทั้งโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ติดต่อได้ง่ายกว่าเดิม และในอีกไม่ช้าจะพบมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อบงการ ลูกตามสั่ง

“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.

กมธ.คุ้มครองผู้บริโภครับลูกเร่งผลักดัน 3 กม.ของภาคประชาชน

'กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค' รับหนังสือแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ เร่งสภาผลักดัน แก้ปัญหาสินค้าไม่ตรงปก - ติดฉลาก -ให้ข้อมูลโภชนาการไม่สมบูรณ์

ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’

“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน

“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง

ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

'อิ๊งค์' เปิดตัว 9 ผู้สมัครนายก อบจ. ดีเอ็นเอเพื่อไทยชัด นามสกุลเดียวกับ สส.เพียบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค และ สส.สระแก้ว , นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี