‘หอกข้างแคร่’ ออกฤทธิ์ ‘มิตรเทียม’ ออกลาย ปลายเทอม ‘บิ๊กตู่’ ทนได้อีกกี่ยก

หลายคนชักไม่มั่นใจ บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะอยู่ถึงต้อนรับผู้นำประเทศ ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ตอนเดือนพฤศจิกายนนี้หรือไม่

 "เพราะถ้าเล่นแรงเกินไป ‘บิ๊กตู่’ ตัดสินใจยุบสภา อาจเจอสภาวะสุญญากาศได้ แม้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่อย่าลืมว่า กฎหมายลูกไม่เสร็จ ไม่มีวิธีนับคะแนนตัดสิน" 

ต่อให้ล่าสุด ‘บิ๊กตู่’ จะประกาศอ้าแขนยินดีต้อนรับผ่านถ้อยแถลงการเป็นเจ้าภาพเอเปกในช่วงปลายปี 2565 ร่ายถึงการประชุมครั้งสำคัญครั้งนี้  

“ผมรอที่จะต้อนรับผู้นำเอเปกทุกท่านสู่ประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งทุกท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับภูมิภาคของพวกเราร่วมกัน” 

แต่อาการรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอนนี้มันร่อแร่ โคลงเคลง เอนไปเอนมา ต้องบอกว่า สภาพที่เป็นอยู่ แค่ได้ถึงกลางปีนี้นับว่าเก่งแล้ว  

เพิ่งจะเข้าปีเสือมาได้เดือนที่สอง แต่เจอสารพันปัญหารุมเร้า ทั้งปัญหาภายในวงศ์วาน 3 ป. โดยเฉพาะ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล “ปัญหาหอกข้างแคร่” พรรคเศรษฐกิจไทย ในสภา  

โดยเฉพาะตอนนี้ฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ยืมสภาเป็นสถานที่ปั่นประสาท ขบเหลี่ยมเฉือนคม ต่อรองผลประโยชน์ จนประชาชนระอา ส่ายหน้ากับมาตรฐานผู้แทนไทย เรียกร้องอยากจะให้งดจ่ายเงินเดือน เพราะเสียดายภาษี 

เข้าประชุม แต่ไม่แสดงตน ตั้งใจให้ ‘ล่มซ้ำซาก’ สิ่งที่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นก็ได้เห็น 

ถึงตอนนี้สภาผู้แทนราษฎรล่มไปแล้ว 17 ครั้ง เป็นครั้งที่ 4 ของปี 2565 และเป็นครั้งที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งที่เพิ่งจะผ่านมาไม่ถึงครึ่งเดือน  

เรียกว่าปัญหาการเมืองหนักพอตัว แต่ปัญหาการบ้านสาหัสยิ่งกว่า ข้าวของเครื่องใช้ สินค้าอุปโภคบริโภคแพงทั้งแผ่นดิน สินค้าฟุ่มเฟือยอย่างน้ำมันทะยานขึ้น ไม่มีวี่แววจะลงให้ชาวบ้านชาวช่องชื้นใจ 

หันหน้าไปทางไหน ‘บิ๊กตู่’ ก็เจอแต่แรงกระแทก อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเวลาให้สัมภาษณ์ ดูร่างกายไม่สดชื่น พอจะอนุมานได้เหมือนกันว่า ผู้นำก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหนื่อยกับปัญหาที่ต้องเผชิญ 

ตอนนี้ประเมินกันแล้วว่า ‘บิ๊กตู่’ จะอึดทนทานไปได้อีกสักกี่น้ำ เพราะดูจากสภาพแวดล้อมภายใน-ภายนอกรัฐบาล ไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นง่ายๆ 

ยิ่งกับช็อตล่าสุดความขัดแย้งเรื่องสัญญาขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระหว่างกระทรวงมหาดไทย ที่มี ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยคุม กับ กระทรวงคมนาคม ภายใต้การกุมบังเหียนของ ‘เสี่ยโอ๋’ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยี่ห้อบุรีรัมย์ ที่ถึงขั้นสร้างวัฒนธรรมใหม่ 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย บอยคอตนัดกันไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อแสดงสัญลักษณ์คัดค้าน 

“เหตุการณ์ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น” รัฐมนตรีชวนกันโดดร่ม เพราะไม่เห็นด้วย

แน่นอนว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว คงไม่ถึงขั้นทำให้ ‘บิ๊กตู่’ กับพรรคภูมิใจไทยแตกหัก เพราะยังต้องพึ่งพาอาศัยกันไปอีกระยะ แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้มันก็ทำให้เห็นว่า อาการเกรงใจกันของพรรคร่วมรัฐบาลมันน้อยลงกว่าเดิมไปเยอะ เมื่อเทียบกับตอน 1-2 ปีแรก ที่คนของพรรคภูมิใจไทยทำตัวน่ารักกว่าเด็กพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ  

ธรรมชาติปลายเทอมของทุกรัฐบาลที่อยู่กันด้วยผลประโยชน์มากกว่าความจริงใจมักจะเป็นแบบนี้ 

โดยเฉพาะภาพ ‘เสี่ยหนู’ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พินอบพิเทา ‘ผู้กองนัส’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย หอกข้างแคร่นัมเบอร์วันของ ‘บิ๊กตู่’ ในสภา ที่วันเดือนปีไม่เคยหลุดออกมา แต่มาว่อนโซเชียลเอาในวันที่มีปัญหากับวัน ครม.ที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยบอยคอตพอดิบพอดี 

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเดินไปเจอเกลอเก่าแน่ หากแต่มีคนจงใจให้ใครบนตึกไทยคู่ฟ้าหงุดหงิด

ภาพนี้ใครเห็นก็นึกถึงวรรคทองของ ‘ผู้กองนัส’ ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กในวันที่พรรคพลังประชารัฐแพ้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ยับเยิน ‘ศัตรูของศัตรูคือมิตร’  

ใครเป็นศัตรู ‘บิ๊กตู่’ คือ ‘มิตร’ ของ ‘ผู้กองนัส’ หมด 

สถานการณ์ ‘บิ๊กตู่’ โมงยามนี้เหมือนโดนรุมกินโต๊ะขึ้นเรื่อยๆ ไม่เจอกระโดดหนี ก็เจอแทงข้างหลัง ความมั่นคงบนคานอำนาจนับวันมีแต่จะอ่อนแอ  

ภูมิต้านทานรัฐบาลเหลือน้อย และนั่นก็เป็นการเปิดช่องให้แผนกรอซ้ำ เปิดปฏิบัติการบิวต์รายวันให้สละเรือ ‘ยุบสภา’ คืนอำนาจให้แก่ประชาชน   

แต่มันก็ไม่ใช่ว่าทำกันง่ายๆ เพราะสายบิวต์พวกนี้ก็เป็นประเภทปากกล้าขาสั่น ‘บิ๊กตู่’ หมันไส้ล้มกระดานกดปุ่มยุบสภาขึ้นมาจริงๆ หน้าจะเหลือแค่สองนิ้วเอา   

โดยเฉพาะพรรคเล็กที่จับกลุ่มรวมตัวกันตอนนี้ อาศัยช่วงเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำออกมากดดันให้ ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาเช้า-เย็น สุดท้ายก็เป็นแค่พ่อค้าอาวุธสงคราม หาผลประโยชน์บนความขัดแย้ง  

ไปไล่จี้ถามเรียงตัว ลึกๆ อยากให้ ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภา หรืออยู่ในอาการป้อแป้แบบนี้ สุดท้ายก็เลือกอย่างหลังหมด เพราะจะได้มีเวลากอบโกยให้คุ้มค่า ไหนๆ เลือกตั้งรอบหน้าโอกาสกลับมาก็ยากมากๆ 

หลายพรรคการเมืองตอนนี้กำลังฉวยจังหวะความเป็นเกมป่วนของ​ ‘ผู้กองนัส’ กดดัน ต่อรองรัฐบาล เพราะรู้ว่าฝ่ายอำนาจไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตอบโต้ได้หนักหน่วงเหมือนแต่ก่อน 

ยิ่งไพ่ในมือ ‘บิ๊กตู่’ น้อยลงเท่าไหร่ ไม่ต่างอะไรกับนาทีทอง เปิดช่องให้ทุกฝ่ายพากันเพิ่มมูลค่าตัวเอง หลังจากนี้เกมต่อรองทั้งภายใน-ภายนอกรัฐบาลจะมากกว่าเดิมอีก 

สภาจะถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อคอยบีบรัฐบาล แต่คงไม่กล้าเล่นกันแรงเท่าไหร่ คงเป็นไปในลักษณะ “เดินชน ขัดขา” ไม่ถึงขนาดเอาเป็นเอาตาย เพราะยังติดเงื่อนไขเรื่องกฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ตามไทม์ไลน์นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อย่างเร็วที่สุดมีผลบังคับใช้เดือนกรกฎาคม อย่างช้าที่สุดเดือนกันยายน อย่างไรต้องเลี้ยงไข้กันไปจนกว่ากฎหมายลูกจะมีผลบังคับใช้ 

เพราะถ้าเล่นแรงเกินไป ‘บิ๊กตู่’ ตัดสินใจยุบสภา อาจเจอสภาวะ ‘สุญญากาศ’ ได้ แม้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่อย่าลืมว่า กฎหมายลูกไม่เสร็จ ไม่มีวิธีนับคะแนนตัดสิน 

ขณะเดียวกัน ‘บิ๊กตู่’ เองก็ไม่กล้าอยากจะยุบในเร็ววันนี้แน่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสตัวเองไม่ได้ดี มิหนำซ้ำยังมีปัญหาภายใน โดยเฉพาะวงศ์วาน 3 ป. ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว  

เลือกตั้งรอบหน้ายังไม่รู้จะใช้พรรคไหน จะคล้องแขนกันต่อหรือไม่ เพราะทีมงานข้างกาย ‘บิ๊กตู่’ ก็เที่ยวไปตั้งพรรคอะไหล่ ไว้สแตนบายด์ให้หลายพรรค อย่างน้อยๆ 2 พรรค คือ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ของ ‘แรมโบ้อีสาน’ เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กับ ‘ไทยสร้างสรรค์’ ของ ‘เสี่ยตั้น’ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ  

ในขณะที่พี่ใหญ่อย่าง ‘บิ๊กป้อม’ ยืนยันไม่เปลี่ยนบ้าน จะใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นนั่งร้านให้ ‘บิ๊กตู่’ ต่อ พร้อมประกาศกวาด 150 ที่นั่ง   

พี่น้อง 3 ป.ยังชิงเหลี่ยมเล่นเกมกันอยู่เลย 

อีกทั้งถ้า ‘บิ๊กตู่’ จะไปเริ่มกับพรรคใหม่ อย่างน้อยก็ต้องมีเวลาเผื่อเหลือเผื่อขาดล่วงหน้ากันพอสมควร เพื่อให้นักเลือกตั้งเข้ามาสังกัด 90 วัน ถึงจะมีสิทธิ์เลือกตั้งได้ 

หากยุบสภาไปตอนนี้ ไม่มีเวลา “โยกย้ายถ่ายสำมะโนครัวทางการเมือง” แน่ 

ยกเว้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อน อย่างที่หลายคนพุ่งเป้าไปที่เดือนพฤษภาคม ที่ฝ่ายค้านได้ฤกษ์เปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีโอกาสจะเกิด ‘กบฏล้มนายกฯ ภาค 2’ อีกหรือไม่ เพราะชั่วโมงนี้ไว้ใจใครไม่ได้ แม้แต่ตัว ‘บิ๊กป้อม’ เอง ก็ไม่รู้ว่า ‘บิ๊กตู่’ ยังเชื่อใจได้อยู่หรือเปล่า  

จับตาดูให้ดี ถ้าเห็นท่าไม่ดีจะมีรายการชัตดาวน์ตัวเองก่อนหรือไม่ 

ในจังหวะที่มันไปไม่ได้ ยอมยุบสภาให้เกิดสุญญากาศ ดีกว่ายอมกระเด็นกระดอนตกเก้าอี้คาสภา เพราะ ‘บิ๊กตู่’ คงไม่ให้ใครมาลูบคมแบบนั้น 

 นักการเมืองเองก็ตายใจไม่ได้ ที่ปล่อยให้การเมืองมันเละเทะทุกวันนี้ ภาพลักษณ์สภาป่นปี้ ประชาชนระอาคุณภาพผู้แทนยุคปัจจุบัน ระวังจะเข้าทางปืน 

  เกิดมีคนเตะปลั๊กขึ้นมาแล้วจะยุ่ง.                                                  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอาแล้ว! กมธ.ที่ดิน จ่อเรียก 'มท.1-รมว.คมนาคม' แจงปมที่ดินเขากระโดง

ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและ

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง

จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567