ก่อนวันที่ 9 เมษายน ที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในวาระที่ 1 เสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วนเริ่มดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงเรื่องการคัดค้านแนวคิดการมีกาสิโน จากการเคลื่อนไหวภายใต้การนำของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องคำถามการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
เนื่องจากขณะนี้ประเทศประสบปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะการกอบกู้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถนำคนที่ติดอยู่ภายในซากตึก สตง.ออกมาได้หมด
รวมไปถึงผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ซึ่งเรื่องดังกล่าว รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายค้าน นักวิชาการ เกี่ยวกับการรับมือกำแพงภาษีสหรัฐล่าช้า โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับหลายๆ ชาติในอาเซียนที่ผู้นำประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ และมาเลเซีย ต่างแอ็กชันเพื่อหาทางแก้ปัญหา ตรงข้ามกับรัฐบาลไทยที่เหมือนจะไม่ได้กระตือรือร้นเท่าที่ควร
แม้รัฐบาลพยายามแก้เกี้ยวว่า ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ยิ่งแก้ เหมือนยิ่งสะท้อนว่า รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร โดยเฉพาะความสับสนเรื่องหัวหน้าคณะเจรจากับสหรัฐที่ไม่ชัดเจน ที่สุดนำมาซึ่งแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของ น.ส.แพทองธาร
อย่างไรก็ตาม 2 เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วนที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลต้องเร่งจัดการมากกว่าเรื่องใดๆ ในตอนนี้ หากแต่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย กลับเร่งรีบจะพิจารณาให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุมสภา
เรื่องการผลักดัน กาสิโน แบบลุกลี้ลุกลน ไม่เพียงถูกสังคมตั้งคำถามถึงการจัดลำดับความสำคัญ แต่ยังชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยถึงพยายามอย่างหนักทั้งที่ยังมีแรงต้าน และสถานการณ์ในประเทศไม่ได้เอื้ออำนวยแต่อย่างใด
คำถามเรื่องการเอื้อประโยชน์นายทุนจึงถูกพ่วงตามมาอีกคำรบ
หากมองไปที่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ผ่านวาระ 1 ไปได้อย่างราบรื่น อย่างเสียงสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น จะพบว่ามีเพียงพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวที่จะอยู่ในสภาวะ ‘จะเอาให้ได้’
ถึงขนาดมีกระแสข่าวออกมาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ได้กำชับพรรคร่วมรัฐบาลให้โหวตรับหลักการในวาระแรก ในวันที่ 9 เมษายนนี้ พร้อมประกาศิต
“หากพรรคไหนแตกแถว จะพิจารณาให้ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที”
จากท่าทีของ ‘ทักษิณ’ ค่อนข้างแข็งกร้าว ย่อมสะท้อนถึงความสำคัญว่า กฎหมายฉบับนี้มีความหมายต่อพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก ถึงขนาดต้องขู่พรรคร่วมรัฐบาล
แน่นอนว่า ท่าทีดังกล่าวย่อมเป็นเรื่องยากที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ จะกล้าสวนทาง ต่อให้รู้ว่า สถานการณ์ ณ ขณะนี้ไม่เหมาะสมที่จะผลักดัน เพราะย่อมถูกสังคมประณามก็ตาม
อาจจะมีพรรคที่ทำได้เพียงส่งสัญญาณอ้อมๆ ว่ามันไม่เหมาะสม อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าค่ายสีน้ำเงิน
โดยสุดสัปดาห์ก่อน ‘เนวิน ชิดชอบ’ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย สบถเชิงประชดประชันกลางวงเสวนาผู้นำท้องถิ่นที่ จ.บุรีรัมย์ว่า อะไรจะไปเร่งด่วนเท่ากฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
หรือ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ให้สัมภาษณ์ในเชิงว่า พร้อมเลื่อนหากนายกฯ ส่งสัญญาณมา
“เราให้ความสำคัญตรงกัน นายกฯ ไม่อยากก่อให้เกิดความตระหนก แต่ท่านตระหนัก เราก็คุยกันเรื่องนี้ และรอดูสถานการณ์อันใกล้ ถ้าจากวันนี้ถึงวันที่ 9 เมษายน หากมีสถานการณ์ก่อให้เกิดความกังวล หรือสิ่งที่ต้องการความสนใจจากรัฐบาลมากกว่า ท่านก็สัญญากับผมจะเลื่อนไปอีก”
แต่อย่างไรก็ดี แม้จะมีการกดดันอย่างหนักจากหลายภาคส่วน ซึ่งขยายวงไปอย่างกว้างขวาง แต่สุดท้ายอำนาจในการตัดสินใจว่า จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนไปก่อน อยู่ที่ ‘ทักษิณ’ และ ‘แพทองธาร’ เท่านั้น โดยเฉพาะผู้เป็น พ่อนายกฯ ฉายา สทร.-เสือกทุกเรื่อง
ขณะที่ พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ ในส่วนของ พรรคภูมิใจไทย แม้จะขยับบ้าง แต่ไม่แรงเหมือนแต่ก่อน พรรครวมไทยสร้างชาติ นิ่งอยู่ในที่ตั้ง เช่นเดียวกับ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ ในฝั่งของพรรคประชาชาติ ที่เป็นพรรคตัวแทนมุสลิม ทำได้แค่อ้อมแอ้ม กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จะมีเพียง พรรคกล้าธรรม ที่มีตัวแทนในพรรคออกมาพูดในเชิงว่า กาสิโนจะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย
พูดง่ายๆ ว่า หาก ‘ทักษิณ’ ไม่ส่งสัญญาณเลื่อน ทุกพรรคก็ต้องไปตามนั้น
ดังนั้น อยู่ที่ ‘ทักษิณ’ ชั่งใจว่า จะฝ่ากระแสสังคม หรือชะลอไว้ก่อน?
ซึ่งน่าสนใจว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 8 เมษายน ก่อนวันประชุมสภา เพื่อพิจารณารับหลักการกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 1 วัน
จะมีการหารือกันของแกนนำพรรคร่วมในเรื่องนี้อีกสักครั้งหรือไม่?
และสัญญาณจะเปลี่ยนอีกหรือไม่ ต้องจับตา!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

