รบ.ลุกลี้ลุกลนเข็น ‘กาสิโน’ สะเทือนภาวะผู้นำ ซ้ำรอยนิรโทษ

จากภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในกรณีการรับมือเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า รับมือได้ไม่ดี ไม่มีความพร้อม ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้

มาถึงเรื่อง "การลำดับความสำคัญ" ซึ่งในขณะที่คนในประเทศยังอยู่ในอาการแพนิกจากเหตุแผ่นดินไหว และเอาใจช่วยทีมค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับพยายามเร่งดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จนถูกสังคมตำหนิ และตั้งข้อสังเกตถึงความลุกลี้ลุกลนครั้งนี้ว่า มีลับลมคมใน หรือต้องการเอื้ออะไรให้ใครหรือไม่ 

เป็นช่วงที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร กำลังติดลบ 

อย่างไรก็ดี สำหรับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขณะนี้ ถือเป็นการเดินตามปฏิทินที่รัฐบาลวางเอาไว้ตั้งแต่แรก โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษได้ปรับถ้อยคำเสร็จนานแล้ว แต่มีการแช่ไว้ ยังไม่นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากกลัวว่า หากมีการให้ความเห็นชอบก่อน อาจจะถูกฝ่ายค้านนำไปเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

จนเมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น รัฐบาลจึงนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ทันที เนื่องจากล่าช้ามานานแล้ว โดยเฉพาะจากเกมการต่อรองของพรรคร่วมฯ ที่กว่าจะลงตัวก็กินเวลาไปไม่ใช่น้อยๆ 

เหตุนี้เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้ว จึงรีบส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรให้พิจารณา โดยรัฐบาลต้องการให้สภาฯ เห็นชอบหลักการในวาระที่ 1 ก่อนปิดสมัยประชุม และให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อให้กระบวนการรุดไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากเสียเวลามาเยอะแล้ว 

รัฐบาลเร่งรีบถึงขั้นที่ว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา มีการเสนอญัตติเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยขอให้นำเรื่องร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 9 เมษายนนี้เลย

และเร่งด่วนถึงขนาดว่า ฝ่ายค้านขอเสนอญัตติหารือเรื่องแผ่นดินไหวก่อน สส.พรรคเพื่อไทยไม่มีใครยอม จนการประชุมวุ่นวายไปพักใหญ่ๆ 

จากท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลที่พยายามเร่งรัด “รวบรัด” กระเทือนต่อเครดิตเป็นอย่างมาก ขนาดบุคคลที่สนับสนุนยังไม่กล้าออกมาปกป้อง ในภาวะที่ทุกคนรู้ว่ายังมีเรื่องอื่นในประเทศขณะนี้ที่สำคัญกว่าร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีความเร่งด่วนอะไรเลย

แม้แต่เรื่องที่สหรัฐอเมริกาโดยการนำของ "โดนัลด์  ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีประเทศไทยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ก็ยังดูว่ารัฐบาลให้ความสำคัญน้อยกว่าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 

นอกจากเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ในข้อครหาที่ว่า ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน แต่รัฐบาลกลับทำเรื่องของตัวเอง ที่จะทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการลุยฝ่าแล้ว ยังมีประเด็นเก่าที่รัฐบาลยังไม่ได้เคลียร์ หรือแทบไม่ได้สนใจคือ กรณีกลุ่มต้านออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านกาสิโนในประเทศไทยด้วย

ขณะนี้ไม่ได้มีแค่ม็อบขาประจำที่นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ยืนยันคัดค้านถึงที่สุด แต่เริ่มมีเครือข่ายภาคประชาสังคม เครือข่ายนักวิชาการ ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างต่อเนื่อง

ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้คนอาจไม่ได้สนใจกรณีที่มีการคัดค้านกาสิโนเท่าไหร่ แต่เมื่อมีกรณีแผ่นดินไหวและรัฐบาลเลือกที่จะไปผลักดันกฎหมายตัวนั้นอย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้ลำดับความสำคัญของปัญหา อาจยิ่งเป็นการเพิ่มแนวร่วมของเสียงคัดค้านเรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม 

จากที่รัฐบาลมองข้ามม็อบคัดค้านกาสิโนที่นำโดยนายจตุพร เพราะมองว่าแนวร่วมไม่เยอะ ปลุกไม่ขึ้น แต่จากนี้อาจจะต้องฉุกคิดให้มากกว่าเก่า

ขณะที่จับท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยไม้เบื่อไม้เมาในเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก่อนหน้านี้ หรือพรรคอื่นๆ ก็แสดงท่าทีกันแล้วว่าไม่มีปัญหา หากรัฐบาลจะเลื่อนไปก่อนในสถานการณ์ที่ประเทศยังไม่ปกตินับตั้งแต่แผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม 

มันอยู่ที่พรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้

ถือเป็นจุดวัดใจเหมือนกัน เพราะอย่าลืมว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเคยประมาทเรื่องทำนองนี้มาแล้ว ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เร่งรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านหรือสถานการณ์ในประเทศ จนกลายเป็นหัวเชื้อในการขับไล่ผู้นำในขณะนั้น จนที่สุดนำไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

แม้กฎหมายเมื่อวันนั้นกับวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันจะเป็นคนละฉบับ คนละเรื่องกัน แต่มีความคล้ายคลึงกันอยู่ในเรื่องของข้อครหา นั่นคือ "มุ่งทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองมากกว่าประเทศชาติ”

ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เกิดจากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งทั้งสองฉบับถูกตั้งข้อสังเกตว่า เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง 

แม้การก่อม็อบแบบในอดีตจะไม่ได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน แต่อย่าลืมว่ารูปแบบในการคัดค้านของรัฐบาลยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป อย่างเช่นโซเชียลมีเดีย

หากรัฐบาลไล่ดูเสียงสะท้อนต่อกรณีผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่าถูกตำหนิจากสังคมเป็นอย่างมาก แทบไม่มีมุมบวกเลย

ถ้ารัฐบาลมองไปถึงผลการเลือกตั้งครั้งหน้า การเร่งรีบในครั้งนี้จะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาและวิกฤตความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในอนาคตได้เลย 

และถ้าเสียงคัดค้านมันกว้างขวาง กลายเป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ ไม่ได้อยู่แค่ในเฉพาะกลุ่ม ชะตากรรมของร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายได้เช่นกัน แม้รัฐบาลจะมั่นใจในสัญญาณว่า สามารถทำได้ก็ตาม

โดยขณะนี้ก็เริ่มมีการไปยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระตรวจสอบว่า กฎหมายฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่แล้ว โดยนายสนธิญา สวัสดี นักร้องได้ไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว เนื่องจากมองว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา

ถ้ากระแสในสังคมต้านสูง กฎหมายฉบับนี้อาจแท้งได้เช่นกัน หรือต่อให้ไม่แท้งก็เสี่ยงที่จะไปติดแหง็ก คล้ายกับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ไปไม่ถึงฝันเมื่อเจอด่าน สว.

อยู่ที่รัฐบาลจะอดทนได้หรือไม่ โดยมี 2 ทางเลือก ทางเลือกแรกชะลอไว้ก่อน เพื่อให้สถานการณ์เอื้ออำนวยกว่านี้ แต่ต้องรอไปอีกหลายเดือน เพราะใกล้ปิดสมัยประชุมแล้ว 

กับอีกทางเลือกคือเดินฝ่า โดยใช้หลังพิงว่าเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเอาไว้แล้ว ซึ่งสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก 

เพราะต่อให้ม็อบจะยื้อไม่ไหว แต่สิ่งที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องเสียไปแน่ๆ คือ วิกฤตศรัทธาจากประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า

ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง

บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย

ปชน.ลากไส้ กม.ยุคเพื่อไทยมีมารร้ายอยู่ในรายละเอียด!

'ชัยวัฒน์' โต้ 'เผ่าภูมิ' ยัน พรรคประชาชนอ่านกฎหมายชัดเจนทุกบรรทัด และมองระหว่างบรรทัดด้วย เพราะ 'มารร้ายอยู่ในรายละเอียด' ทุกวันนี้ทุนเทาเข้ายึดไทยเรียบร้อยแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568