การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ห้องในหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2568 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและความสงสัยอย่างมากในสังคม กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ ผู้กำกับโจ้ ดังนี้
เรือนจำได้ตรวจสอบประวัติการรักษาพบว่า อดีต ผกก.โจ้ มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น มีไขมันในเลือดสูง และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล ได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง โดยพบจิตแพทย์ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2568 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีนัดพบจิต แพทย์ในเดือน เม.ย.นี้
ขณะถูกควบคุมในเรือนจำ ผู้ต้องขังมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เรือนจำจึงได้รับคำร้องของผู้ต้องขัง และพิจารณาอนุญาตให้แยกการควบคุมจากผู้ต้องขังอื่น และยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในเรือนจำได้เป็นปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2568 ช่วงเที่ยงผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมเยียนจากภรรยา ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 20.25 น. เจ้าพนักงานเวรรักษาการณ์ ขณะกำลังเดินไปจ่ายยาประจำตัวให้กับ อดีต ผกก.โจ้ พบว่า ผู้ต้องขังนั่งหลังพิงกับประตูห้องขัง จึงได้พยายามเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงเร่งให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเวรพยาบาลได้แจ้งเหตุผู้ต้องขังเสียชีวิตด้วยการใช้ผ้าขนหนูผูกคอ โดยระบุว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
คำชี้แจงดังกล่าวถูกตั้งคำถามจากครอบครัวของ ผกก.โจ้ รวมถึงคนในสังคม ที่หลายคนเชื่อว่าการเสียชีวิตของเขามีเงื่อนงำ จนกระทั่งช่วงค่ำวันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์จึงเผยแพร่คลิปวงจรปิดบริเวณโถงทางเดินหน้าห้องผู้ต้องขังว่าไม่มีใครเข้าไปภายหลังที่ ผกก.โจ้ เข้าห้องไป กระทั่งถึงช่วงเวลาที่พบร่าง
แต่มีปัญหาเพิ่มเติมคือ ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบศพนั้นมีการทิ้งระยะเวลาไว้นาน 14 ชั่วโมง และมีการเปลี่ยนแปลงท่าการตาย จึงทำให้การชันสูตรศพมากขึ้น ส่วนภายในห้องขังยังพบรอยเลือดเล็กน้อยที่อยู่ใกล้ศพจำนวน 2 หยด แต่ทางกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าเป็นเลือดมนุษย์ จะได้มีการเก็บเลือดดังกล่าวไปเพื่อทำการตรวจดีเอ็นเอแล้ว และยังพบว่ามีรอยกัดจากสัตว์ขนาดเล็กอยู่ที่บริเวณแขนซ้ายอีกด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ อดีต ผกก.โจ้ โดยมีข้อความที่ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับ เลือดผู้หญิง ที่ห้องข้างๆ ผกก.โจ้ เขาได้กล่าวถึงผู้ต้องขังหญิงที่มีประจำเดือนอยู่ห้องข้างๆ แต่ต่อมาได้ชี้แจงว่าผู้ต้องขังรายนั้นเป็น กลุ่ม LGBTQ ซึ่งเป็นผู้ชายที่แปลงเพศ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีประจำเดือนจริงๆ การให้สัมภาษณ์นี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียล เนื่องจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ยังชวนให้สงสัย เพราะจากปากของญาติและภรรยาของ ผกก.โจ้ เรียกได้ว่าพูดกันคนละมุม โดยได้กล่าวว่า ผู้กำกับโจ้ ถูกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จากผู้คุมท่านหนึ่ง ที่ผ่านมาเราก็นิ่งมาตลอด แต่ว่ามามีเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย วันที่ 8 ม.ค.68 ตนเองเข้าไปที่เรือนจำวันที่ 10 ม.ค.68 เขาก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ช่างมันปล่อยไปไม่ถือสา พอมีทนายเข้าไปเยี่ยมวันจันทร์บอกทางทนายว่า เขาถูกขังซอย เหมือนเอาไปแยกขังจากผู้คุมท่านนั้นที่กล่าวหาว่าเขามีความผิด การไปแยกขังเขาไม่ได้สมัครใจไป การลงโทษที่ไม่มีความผิด อย่างไรก็รุนแรง จากที่ทราบทำร้ายจากการโดนต่อยที่ท้องจากผู้คุมท่านเดียวกัน
และทราบว่าผู้คุมท่านนี้ยังทำเช่นนี้กับนักโทษอีกหลายคนที่เคยมีปัญหากับนักโทษของเขาที่สูบยาเส้น เหมือนจุดเริ่มต้นที่ถูกแกล้ง ผู้กำกับโจ้อยู่ในแดนสักพักนึงข้างห้องมีการสูบยาเส้น ผู้กำกับโจ้เลยไปขอร้องบอกดีๆ จากนั้นก็ถูกนักโทษกลุ่มนี้ และผู้คุมท่านนี้รังแกมาตลอด
เริ่มรังแกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยมีการเรียกไปว่ากล่าวดูถูกเหยียดหยาม ถูกทำร้ายร่างกาย ผู้กำกับโจ้มีอาการเจ็บตาจากการตีแบด หมอให้ใส่แว่นตาดำตลอด ผู้คุมท่านนี้ก็จะยึด ทั้งที่มี ใบรับรองจากแพทย์
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา กรมราชทัณฑ์ เรือนจำกลางคลองเปรมมีคำสั่งให้ นายสิทธิพร แก้วคำบ้ง ตำแหน่งนักทัณฑวิทยา ชำนาญการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฎ
รวมถึงกระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งย้าย นายเผด็จ หริ่งรอด กลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง และให้ ชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาราชการ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรมอีกตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของการเสียชีวิต
โดยสรุปแล้วเรื่องนี้ทำให้เราเห็นความเป็นอยู่ที่ไม่สู้ดีของ ผกก.โจ้ และยังมีกลิ่นหึ่งๆ ออกมาหลายเรื่องที่มีความขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความต้องการในการแยกขังเดี่ยว สาเหตุการเสียชีวิต หรือถ้าถูกทำให้เสียชีวิต ใครเป็นผู้กระทำ หรือถูกใครสั่งการให้ปิดปาก
แตกต่างกับกรณีนักโทษวีไอพีชั้น 14 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยต้องโทษ แต่ไม่เคยพักอยู่ในเรือนจำแม้แต่คืนเดียว โดยทางเจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าเขามีอาการป่วยจนถึงขั้นรักษาพยาบาล ซึ่งไม่ใช่เป็นการรักษาปกติ แต่เป็นการข้ามขั้นตอนโดยปกติแล้วจะต้องถูกส่งตัวไปที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่กรณีนี้ได้ไปห้องพักวีไอพี โรงพยาบาลตำรวจทันที ได้รับการดูแลอย่างดีนับตั้งแต่ก้าวขาเหยียบบนแผ่นดินประเทศไทย
ท้ายที่สุด สังคมต้องช่วยกันจับตาประเด็นการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ในแต่ละประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม ว่าจะได้รับคำตอบ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้รับผิดชอบเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน และความจริงอีกหลายข้อจะได้รับการเปิดเผยหรือไม่ เพราะในขณะนี้นับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการดำเนินการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ที่จะต้องติดตามกันต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
ป.ป.ช.เปิดเซฟ 'สหายอ้วน' พ้นรมต. มี 49 ล้าน 'ทวี' อู้ฟู่ 60 ล.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรง
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

