‘ซักฟอก’ คิวแทรก ‘ศึกแดง-น้ำเงิน’ จับตาเสียงโหวตก่อนปรับครม.

“เสียงไว้วางใจอุ๊งอิ๊งของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องโฟกัสว่าจะมีการแตกแถวหรือไม่ ซึ่งมันมีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน"

เหมือนมวยหลายยกสำหรับศึก แดง-น้ำเงิน ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย หลัง 2-3 สัปดาห์มานี้ล่อกันหนัก เล่นกันแรง แต่ไม่รู้จะจบอย่างไร​

เรียกว่าตัดสินแค่ยกเดียวไม่ได้ ต้องดูกันยาวๆ ต่อไป เพราะต่างฝ่ายต่างยังไม่พร้อมจะลงสนามเลือกตั้ง ในทางการเมืองยังมองเป็นเรื่องของการต่อรองมากกว่า

ส่วนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือน ฝ่ายแดงจะเป็นฝ่ายรุกไล่ เริ่มด้วยการที่คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือบอร์ดคดีพิเศษ ที่มี "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานบอร์ด หยิบเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อจะมีมติให้หยิบมาเป็นคดีพิเศษ 

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองประธานบอร์ด ขึงขัง เล่นใหญ่ ออกมาประกาศมีพยานหลักฐานชัดเจน เข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษได้ เพราะเข้าข่ายข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร 

แต่เหมือนอีกฝั่งไม่กลัว แถมยังหยิบอาวุธสวนกลับ เริ่มด้วยการที่ สว.สายสีน้ำเงิน ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี และอธิบดีดีเอสไอ ใน ข้อหาแรงๆ ล้มล้างการปกครองฯ 

ไม่เพียงเท่านั้น "ฝ่ายน้ำเงิน" ยังขอเอาคืน กรณีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เด็กในสังกัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ลุยตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟของครอบครัว "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

ด้วยการใช้กลไกคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มีเด็กในค่ายอย่าง "กรวีรณ์ ปริศนานันทกุล" สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน เรียกนายธนดลมาขึงพืด สอบถามรายละเอียด พร้อมกับกระทุ้งให้ตรวจสอบที่ดินโรงแรมหรูที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ซึ่งห่างจากตัวอุทยานแค่ 5 นาที เพื่อให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน 

เป็นปรากฏการณ์ต่างฝ่ายต่างหยิบอาวุธในมือมาใช้!​

และดูเหมือนฝ่ายรุกไล่อย่าง "สีแดง" จะยังไม่กล้าเดินเต็มสูบเท่าไหร่ จากเดิมที่ขึงขังจะใช้มติเอาคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษให้ได้ สุดท้ายเจอโรคเลื่อนไปวันที่ 6 มีนาคมนี้แทน โดยอ้างว่าจะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลก่อน 

ทั้งที่ความเป็นจริง หาก "ฝ่ายแดง" เอาจริง เคาะเลยในวันดังกล่าวย่อมสามารถทำได้ เพราะถือเสียงข้างมากในบอร์ดอยู่แล้ว แต่ที่ไม่ทำน่าจะมีผลมาจาก 2 เหตุใหญ่ๆ อย่างแรก ไม่มั่นใจในข้อกฎหมาย เพราะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงหลายข้อในที่ประชุม 

กับอีกเหตุหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะคาบเกี่ยวกับช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ การหยิบไปเป็นคดีพิเศษทันทีอาจจะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลในศึกซักฟอกไม่มั่นคง โดยเฉพาะตัว "แพทองธาร" นายกรัฐมนตรี ​เพราะขืนฝ่ายแดงเล่นแรงกับฝ่ายน้ำเงินหนัก อาจจะไปเจอเกมป่วนในศึกซักฟอกได้!

เมื่อยังไม่มีการเคาะเป็นคดีพิเศษ ดีกรีความร้อนแรงระหว่าง "แดง-น้ำเงิน" จึงลดโทนไป และถูกแทนที่ด้วยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่เข้ามาดึงสายตาผู้คน

โดยเฉพาะการที่ฝ่ายค้านทำเซอร์ไพรส์ขอเปิดซักฟอกตัวผู้นำชั่วโมงบินต่ำอย่าง "อุ๊งอิ๊ง" เพียงคนเดียว 

งานนี้มีการประเมินพรรคประชาชน และแนวร่วมฝ่ายค้าน น่าจะหวังถลกหนังทายาทตระกูลชินวัตรให้ช้ำเลือดช้ำหนองไปหมดหลังจบศึก

อัดคนเดียวในทุกมิติ ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ

เรียกว่า ถึงล้มด้วยเสียงในสภาไม่ได้ แต่ก็ได้สะใจกองเชียร์

อีกมุมหนึ่งยังได้คิวเสี้ยมพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยที่ระหองระแหงกันอยู่ ได้วัดใจ จะยียวน หรือปั่นป่วน ก่อนลงมติหรือไม่ 

เพราะก่อนหน้านี้ "สีแดง" ก็เปิดฉากรุกไล่ในหลายปม ทั้งที่มา สว.สายสีน้ำเงิน ทั้งที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ของครอบครัวชาญวีรกูล รวมไปถึงที่ดินเขากระโดงของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ 

เล่นเอาสีน้ำเงินต้องออกแรงตั้งรับหลายทาง งานนี้จะมีการปั่นข่าว ปั่นกระแส ไม่โหวตให้หรือไม่ หาก "อุ๊งอิ๊ง" โดนน่วมในสภา

ยิ่งหากกลางศึกซักฟอก "ฝ่ายแดง" ยังไม่หยุดเปิดเกมรุกใส่ อาจจะได้เจอข่าวสารทำนองนี้ 

แต่อย่างไรก็ดี ดูแล้ว "อุ๊งอิ๊ง" น่าจะเอาตัวรอดในสภาได้ เพราะสัญญาณประนีประนอม เบรกเกมมันยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง กับคิวที่บอร์ดคดีพิเศษเลื่อนนัดลงมติไปก่อนเมื่อต้นสัปดาห์ 

อาจจะอยู่ในโหมดพักยกชั่วคราว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูในวันที่ 6 มีนาคมนี้ก่อนว่าบอร์ดคดีพิเศษจะเลื่อนรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันตึงเครียดและมีผลต่อศึกซักฟอก

หลังเสร็จศึกแล้วค่อยว่ากันต่อ โดยเฉพาะเสียงไว้วางใจ "อุ๊งอิ๊ง" ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องโฟกัสว่าจะมีการแตกแถวหรือไม่  

ซึ่งมันมีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แน่นอน หลังมีการวางคิวปรับขบวนกันใหม่หลังจบศึกซักฟอก ตามสัญญาณที่ออกมา ที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคาร ปิดห้องประชุมลับ เชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไป หารือกันถึงความชัดเจนเกี่ยวกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่กระเด็นตกเก้าอี้ เพราะแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

ที่ประชุมอยากเคลียร์นิยามของคำว่า ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จึงอยากได้คำตอบที่ชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ โดยมอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ยกร่างหนังสือสอบถามไปยังศาลรัฐธรรมนูญ        

แน่นอนการมาถกกันเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีในยามนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการจับโยงไปที่เรื่องการปรับ ครม.หลังเสร็จศึกซักฟอก 

เป็นเหมือนการเตรียมพร้อม สอบถามให้ชัวร์ก่อนจะแต่งตั้งใคร และนั่นมันก็ทำให้โยงไปถึงคนที่มีโควตา แต่นั่งไม่ได้รอบที่แล้ว เพราะติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่ยังไม่เคลียร์ ไม่ชัด อย่าง ร.อ.ธรรมนัส หัวหน้าครอบครัวพรรคกล้าธรรม

ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสเป็นมือเป็นไม้คนสำคัญให้กับนายทักษิณทุกเรื่อง หากใช้บรรทัดฐานเดิมเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีในอดีต คนสู้ถวายหัวเช่นนี้ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยย่อมต้องปูนบำเหน็จให้

แต่ที่ให้ไม่ได้ เพราะกลัว "อุ๊งอิ๊ง" จะซ้ำรอย "เศรษฐา" เรื่องการแต่งตั้งคน สุดท้ายจึงส่งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม มาเป็นแทน

แต่กระแสข่าวออกมาว่า ความพยายามในการดัน ร.อ.ธรรมนัส กลับมาเป็นรัฐมนตรียังมีอยู่ หากแต่ "นายกฯ คนลูก" ยังพะวงเหตุการณ์ซ้ำรอย รวมไปถึงภาพลักษณ์ ครม.

สุดท้ายจึงหาทางออกให้ด้วยการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้รู้คำตอบ

ซึ่งในความเป็นจริง โอกาสที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยเป็นไปได้น้อยมาก เพราะเคยมีการถามเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ไม่ได้คำตอบ 

อีกทั้งมันไม่ใช่หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงเรื่องคำนิยามที่วิญญูชนทั่วไปย่อมรู้ได้ว่า อะไรคือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

จนมีการมองกันว่าเหมือนเป็นการพึ่งมือศาลเพื่อปิดประตูตายไม่ให้ใครบางคนเข้ามาหรือไม่

ขณะที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่มีใครแตกแถว โหวต "อุ๊งอิ๊ง" กันครบถ้วน ให้ความร่วมมือกันอย่างดี ก็มีแววที่แกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยจะไม่ไปแตะต้องเพื่อรักษาเสถียรภาพเอาไว้

จำกัดความขัดแย้งให้อยู่ในกรอบที่ยังเจรจาได้.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

จบเลือกตั้ง 8ก.พ.2569 อนุทิน นายกฯรอบสอง

รายการ ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สัมภาษณ์พิเศษซินแสชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย-อดีตสมาชิกวุฒิสภา

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า