หลังความสัมพันธ์ไทยและซาอุดีอาระเบียกลับมาอยู่ในระดับปกติอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 ในการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามคำเชิญของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่ประสบความสำเร็จ สามารถฟื้นสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศได้อีกครั้งในรอบ 32 ปี
ทั้งนี้ ก่อนจะถึงวันแห่งประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ ที่ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดในสายชาวโลกนั้น ทุกอย่างได้มีการเตรียมการมานานพอสมควร โดยทันทีที่มีการประสานเชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนซาอุฯ ทั้งฝ่ายไทยและซาอุฯ ก็ได้เริ่มเตรียมการ เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เรื่อยมา รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี ซึ่งในระหว่างนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนต่างๆ ไปตามสถานการณ์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย
กระทั่งได้จังหวะและเวลาที่เหมาะสมในช่วงนี้ ที่สถานการณ์โควิดเริ่มทรงตัว การฟื้นประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจเดินหน้า จึงกำหนดการเยือนระหว่างกันในวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับกลไกสำคัญที่ทำให้มีการฟื้นสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งอยู่ในห้วงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการผลักดัน มีความพยายามประสานเจรจากับฝ่ายของซาอุฯ ในทุกๆ โอกาสที่ได้พบปะ ทั้งการพบหารือ 3 ฝ่าย ในช่วงการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ที่กรุงเทพฯ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัลเคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรนในขณะนั้น และ นายอาดิล บิน อะหมัด อัลณูบีร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในขณะนั้น
การพบกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บินอับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซาอุดีอาระเบีย ในช่วงการประชุมผู้นำจี 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 28 มิถุนายน 2562
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย ยังมีการพบหารือกันเป็นระยะเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียตามคำเชิญของ เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อเดือนมกราคม 2563 ซึ่งกลไกเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นประสานรอยร้าว
ทั้งนี้ สำหรับผลความสำเร็จในการเยือนซาอุฯ ของไทยที่เป็นรูปธรรม อาทิ การยกระดับผู้แทนทางการทูตของทั้งสองประเทศ จาก "อุปทูต" ให้กลับมาเป็นระดับ "เอกอัครราชทูต" โดยจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำ 2 ประเทศในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมีข่าวดีที่แรงงานไทยจะได้ทำงานในซาอุฯ อีกครั้ง โดยฝ่ายซาอุฯ ต้องการจัดหาแรงงานฝีมือดี ตั้งเป้าไว้ที่ 8 ล้านคน โดยให้แรงงานไทยเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งแรงงานภาคบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ซาอุฯ กำลังดำเนินการและขาดแคลนแรงงานในขณะนี้
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นโอกาสสำหรับการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับประชาชนที่เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่า การเดินทางไปมาหาสู่ที่สะดวกยิ่งขึ้นระหว่างไทยกับซาอุฯ จะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่าประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งล่าสุดสายการบินซาอุเดีย (Saudia) หรือ ซาอุดีอาระเบียแอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ขานรับสัมพันธ์ไทยและซาอุฯ ทันที โดยประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการว่าเตรียมจะเปิดเที่ยวบินตรงจากซาอุฯ ไปประเทศไทย เริ่มในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้
ส่วนด้านการค้าและการลงทุน เมื่อความสัมพันธ์กลับมาในระดับปกติ จึงเป็นการเปิดประตูให้นักลงทุนทั้งของฝ่ายไทยและซาอุฯ โดยระหว่างการเยือนซาอุฯ ทางเจ้าบ้านได้เปิดโอกาสให้ทั้งกระทรวงของซาอุฯ และกลุ่มภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนกับไทยเข้ามาหารือกับรัฐมนตรีฝ่ายไทยเพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุนทันที นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหน่วยงานในภาคส่วนอื่นๆ ที่ขอเข้าหารือเพื่อเปิดความร่วมมือกับไทยอีกด้วย
นับว่าการเยือนซาอุฯ ครั้งนี้เป็นอีกผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในสายตาชาวโลก และคนไทย ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล โดยเฉพาะถูกฝ่ายค้านอย่าง “พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล” ด้อยค่าว่ารัฐบาลโชว์ผลงานไปซาอุฯ แต่ที่จริงซาอุฯ ต้องการเปิดประเทศอยู่แล้วก็ตาม
แต่การด้อยค่านี้ไม่สามารถลบล้างผลงานชิ้นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ว่า ไทยกับซาอุฯ ฟื้นสัมพันธ์ขึ้นได้ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจากนี้ต้องจับตาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ทั้ง 2 ประเทศจะได้รับต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
นายกฯ อิ๊งค์บอกตำรวจอยากดูแล ปท.แบบคนรุ่นใหม่มีอะไรคุยกันได้
นายกฯ มอบนโยบายตำรวจ ขอดูแลปชช.ช่วงปีใหม่ เชื่อ ตร.ภายใต้การนำ ”บิ๊กต่าย“ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข-ปลอดภัย บอกอยากดูแลประเทศแบบคนรุ่นใหม่ มีอะไรคุยกันได้
งานหลัก! นายกฯ อิ๊งค์ไปกดปุ่มเปิดนิทรรศการตำรวจ
นายกฯ เปิดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ตร. เน้นย้ำแก้ภัยไซเบอร์ พร้อมสวัสดีปีใหม่ผบ.ตร.
'เท้งเต้ง' เซ็ง 'แพทองโพย' เบี้ยวกระทู้สดชงสภาแก้ข้อบังคับการประชุม
'หัวหน้าเท้ง' หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม หลัง 'นายกฯ' เลี่ยงตอบแล้ว 3 หน ปมค่าไฟแพง เหน็บเมื่อวานนักข่าวถามจะไปสภาหรือไม่ 'อิ๊งค์' กลับตอบ 'เมอร์รี่คริสต์มาส'
'ลุงป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่
'ลุงป้อม' สดใส เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่ ย้ำพระราชเสาวนีย์พระพันปีหลวง ปกป้องป่าให้ลูกหลาน ด้าน ผบ.เหล่าทัพ ทยอยอวยพร 3 ป. วานนี้
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน