ในที่สุดการประชุมร่วมระหว่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประชุมร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อีกครั้ง ก็ได้ข้อสรุปเสียที โดยมีมติให้ตัดไฟฟ้า การส่งน้ำมัน อินเทอร์เน็ต ซึ่งคือในเวลา 9 โมงเช้า 5 จุดที่ทาง สมช.เคยทำหนังสือแจ้งไปแล้ว เป็นมาตรการยกแรกในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลังจากมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2568 มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศนั่งหัวโต๊ะ โดยนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. มีความเห็น 6 ข้อตามที่ได้แถลงไว้ ได้แก่
1.พื้นที่เสี่ยง : ระบุพื้นที่ที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย, เมืองเมียวดี และพญาตองซู
2.ความเชื่อมโยงกับบริษัทสัมปทาน : พบว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลในบริษัทสัมปทานกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนกาสิโน
3.การขอใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ : มีการขอใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากไม่สามารถอธิบายการใช้งานได้
4.การดำเนินกิจการหลังการตัดไฟ : แม้ว่าที่ผ่านมา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เคยตัดไฟในพื้นที่ชเวก๊กโกและเคเคพาร์ก แต่ยังพบว่ามีกิจการดำเนินต่อไป อาจเป็นเพราะการใช้น้ำมันปั่นไฟ
5.สัดส่วนการใช้ไฟฟ้า : การพิจารณาสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าในจุดต่างๆ เพื่อประเมินความเหมาะสม
6.การหาแหล่งพลังงานทดแทน : พบหลักฐานว่ามีการหาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อทดแทนหลังจากที่ถูกตัดไฟ
แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลายหน่วยงานยังดูเงื้อค้างไม่จัดการ ฝ่ายการเมืองยังโยนไปโยนมาไม่จบ
โดย สมช.ได้สรุปความเห็นว่า จาก 6 ข้อที่ประมวลมานั้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงอย่างแน่ชัด ประกอบกับเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลด้านการข่าวส่งให้กับนายภูมิธรรม ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
สำหรับข้อมูลด้านความมั่นคง ที่จะไปยื่นเพื่อแสดงเจตจำนงเพื่อจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น เป็นข้อมูลทางด้านข่าวกรอง มีแผนที่ ภาพถ่าย รวมถึงตัวบุคคลที่เชื่อมโยงในข้อ 2 ซึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลทางลับอีกชั้น โดยทั้งหมดเขียนเป็นการบรรยายความจากข้อมูลทางเทคนิคที่มีอยู่ เช่น พบเส้นทางเสาไฟที่เชื่อมโยงกับจุดจ่ายไฟ ที่มีกาสิโนและแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ เป็นต้น
เพราะหากย้อนข้อมูลไป เมื่อ ชเวก๊กโกกับเคเคพาร์กได้มีการตัดไฟไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่ามีการใช้เครื่องปั่นไฟ และปรากฏภาพถ่ายที่ค่อนข้างมีมูลว่า มีการต่อสายจากเสาไฟที่ห่างจากจุดนั้นโยงเข้ามาที่เมืองแห่งนั้นด้วย เพราะตรงนี้ถือว่าบริษัทสัมปทานผิดสัญญาที่เอาไฟไปให้กลุ่มที่มีปัญหา
ซึ่ง กฟภ.ได้รายงานในที่ประชุมว่า ณ ปัจจุบันแยกไม่ออกว่าสัดส่วนที่ใช้ในชุมชน โรงพยาบาล โรงเรียน และเมืองคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นอย่างไร เพราะข้อมูลปริมาณการใช้ค่อนข้างราบเรียบอย่างนี้มานานแล้ว ซึ่งยอมรับว่าเช็กยากเหมือนกัน แต่มีวิธีการทางเทคนิคในการตรวจสอบได้อยู่
"จุดหนึ่งซึ่งที่ประชุมได้ประเมินกันคือ พื้นที่พญาตองซู ฝั่งตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์มีการทำเรื่องขอใช้ไฟมากผิดปกติ แต่ กฟภ.ไม่ได้อนุมัติไป แสดงให้เห็นสัญญาณว่ามีการลงทุนใหม่ในพญาตองซู ซึ่งมีข้อมูลทางด้านความมั่นคงที่จะมีการส่งให้ไปเช่นกัน" แหล่งข่าวระบุ
เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเกี่ยวกับ “สัมปทาน” การจะดำเนินการใดๆ ต้องมีการแจ้งให้คู่สัญญารับรู้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง กฟภ.ได้มีหนังสือ “เตือน” ไปยังบริษัทแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าทางบริษัทดังกล่าวมีท่าทีอย่างไร แต่เป็นเรื่องที่ต้องให้โอกาสบริษัทได้ส่งแผนผังการจ่ายไฟฟ้ามา เป็นการแก้ไขปัญหาที่เป็นจุดบกพร่องจากการส่งไฟเข้าไปยังเมืองคอลเซ็นเตอร์
ซึ่งสุดท้ายอำนาจการตัดไฟฟ้าอยู่ที่ กฟภ. เพราะเป็นคู่สัญญา ที่ในสัญญาเขียนชัดเจนว่า ถ้าทำผิดสัญญาสามารถยกเลิกสัมปทานได้ และไม่สามารถฟ้องร้องได้ โดยมีระเบียบการไฟฟ้าเขียนกำกับไว้ด้วยว่า การจ่ายไฟไม่จ่ายในธุรกิจที่ผิดกฎหมาย
นอกจากตรงนี้ เพื่อให้กระบวนการครบถ้วน ยังมีการเสนอให้ กต.แจ้งไปทางรัฐบาลเมียนมา เพราะบริษัทนี้ทางการเมียนมารับรอง บริษัทดังกล่าวจึงทำสัญญาได้ จึงต้องแจ้งให้รัฐบาลเมียนมาร่วมมือในการตรวจสอบจุดที่มีปัญหา กรณีที่ทางบริษัทอาจจะไม่ยอมรับว่าเขาส่งไฟให้
แต่เพื่อให้ทุกอย่างชัดเจน การเรียกประชุม สมช.ดังกล่าวจึงมีมติชัดว่า “ต้องลงดาบ” ได้แล้ว
ยิ่งช่วงก่อนที่จะมาประชุม สมช. ทาง ผช.รมต.จีนมาพบภูมิธรรมที่กระทรวงกลาโหม มีการหารือในรายละเอียดหลายส่วน โดยเฉพาะความร่วมมือในการตั้งศูนย์ และการเจรจา 3 ฝ่ายเพื่อสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ที่สำคัญคือ การแจ้งเป้าหมายให้ไทยตัดท่อน้ำเลี้ยง ปิดเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัยให้กับเมืองบาปเหล่านั้น โดยเฉพาะท่าข้ามตลอดแนวชายแดนไทย เลยไปถึงประเด็นทางลึกเกี่ยวกับผู้นำกองกำลังที่ดูแลเมืองดังกล่าวอยู่ ซึ่งอาจต้องใช้กลไกของชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มที่ทหารไทยมีความใกล้ชิด เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่สีเทาเหล่านั้น เพราะจีนเองก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการในพื้นที่ในเมียวดีได้
ทั้งหมดนั้นเป็นที่มาของการใช้ยาแรงในการจัดการปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชำแหละ! ตัดไฟเมียนมา ได้ไม่คุ้มเสีย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตัดไฟพม่า:ได้-คุ้มเสียหรือไม่?
จับตาผลลัพธ์ปิด‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ‘อิ๊งค์’คุย'สี จิ้นผิง'ร่วมมือตัดวงจร!
“อาชญากรรมข้ามชาติ” ปัญหาใหญ่ของไทยในตอนนี้ ที่เข้ามาทำลาย หลอกลวงดูดทรัพย์คนไทยมูลค่าความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ กำลังเป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลไทยว่าจะปราบปรามสำเร็จหรือไม่
สุมหัวดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน วางเกมซักฟอก "เปิดแผล-รอยร้าว"
‘ดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ครั้งที่ 2 ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย ในวันที่ 7 ก.พ.ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะเป็นการประชุมร่วมกันของแกนนำพรรคต่างๆ เพื่อวางแผนการทำงาน ไปจนถึงการจัดสรรเวลา และหัวข้อ เนื่องจากหากเป็นเรื่องเดียวกัน ก็จะแบ่งลงในรายละเอียดปลีกย่อยให้ไม่ซ้ำซ้อน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ที่น่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือน มี.ค.
'บิ๊กอ้วน' เผยจีนขอไทยซีลชายแดน หลังหารือผู้ช่วย รมต.จีน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง หารือกับ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง และสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อถามว่าเหตุใดจึงหารือนาน ระบุว่า
ดีเดย์ 9 โมงเช้าพรุ่งนี้ ตัดไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน ทั้ง 5 จุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประเด็นการตัดไฟในพื้นที่ชายแดนไทย - เมียนมา
โฆษกพปชร. เหน็บ 'ภูมิธรรม' มีปัญญาตัดไฟหรือไม่ ขนาด 4 ลูกเรือประมงไทยยังไม่ได้กลับบ้าน
พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะประชุมใช้อำนาจรองนายกฯ สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมา ที่ สมช. ในเวลา 17.00 น. ว่า