เพิ่มโทษปรับ-ตัดแต้มจราจร ตำรวจล้อมคอกกู้ภาพ (อีกครั้ง)

เป็นอีกครั้งที่อุบัติเหตุบนท้องถนนกรุงเทพฯ คร่าชีวิตผู้ร่วมทาง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ รายงานอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตรายวัน ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ หรือรถสาธารณะ ความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนนมีความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากแหล่งท่องเที่ยว การจราจรเป็นอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอเมซิ่งไทยแลนด์

แต่การสูญเสียครั้งนี้มีผลต่อวงการแพทย์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาหรือหมอตา ที่ทั้งประเทศมีอยู่ไม่กี่สิบคน แต่ “หมอกระต่าย” แพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องมาสังเวยชีวิตกับความประมาทบนท้องถนน ถูกรถ จยย.เฉี่ยวชนขณะข้ามทางม้าลาย ถนนพญาไท หน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ช่วงเย็นวันที่ 21 ม.ค. ก่อนจะถึงวันเกิดเพียงไม่กี่วัน

สังคมจับจ้องไปที่คู่กรณี เมื่อคนขับ จยย.ดันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ถือกฎหมาย แต่กลับทำผิดกฎหมายจราจรเสียเอง คือ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ที่สำคัญเกิดดรามาในสังคมออนไลน์ พนักงานสอบสวนพยายามช่วยผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจด้วยกัน, รถของกลางเป็นรถที่ถูกยึด แต่ถูกนำมาใช้จนเกิดอุบัติเหตุ, ผู้เสียชีวิตกลายเป็นศพนิรนามหลายชั่วโมง เพราะตำรวจเก็บเอกสารหลักฐานทั้งหมดไป ไม่สามารถตามหาญาติได้ 

ถ้าอุบัติเหตุครั้งนี้ผู้เสียชีวิตไม่ใช่ “หมอ” หรือคู่กรณไม่ใช่ “ตำรวจ” ก็คงเป็นอุบัติเหตุทั่วไปที่เกิดขึ้นรายวัน มูลนิธินำศพส่งนิติเวชชันสูตรคืนร่างให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาคงไม่เป็นข่าวครึกโครมแบบนี้

ไฟสปอตไลต์ส่องไปที่ "ตำรวจ" ซึ่งมีต้นทุนทางสังคมต่ำอยู่แล้ว ยิ่งมากระทำผิดกฎหมายเสียเองทุกอย่างก็ยิ่งโหมกระน่ำเข้าใส่อย่างเต็มที่ จนกลายเป็นกระแสสังคมที่ต้องการคำตอบ ต้องการความรับผิดชอบจาก "ตำรวจ"

แม้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ต้นสังกัด ส.ต.ต.นรวิชญ์ พยายามชี้แจงประเด็นต่างๆ ทั้งร่าง หมอกระต่ายเป็นศพนิรนาม ไม่สามารถเข้าถึงโทรศัพท์ได้ ต้องรอจนกว่ามีคนโทรเข้ามา ส่วนตำรวจคู่กรณีหลังปฐมพยาบาลได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน แจ้ง 7 ข้อหา ประเด็นการครอบครองรถได้มาอย่างถูกต้องมีสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่รถยึด แต่เป็นการโอนลอยที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยืนยันดำเนินทุกคดีที่เป็นความผิดไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน กระทั่ง ส.ต.ต.นรวิชญ์มีความประสงค์บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ก็โดนแรงกดดันจนต้องยอมสึก

"ตำรวจ" จึงต้องเร่งฟื้นความเชื่อถือ โดยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายให้มีสภาพบังคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาด เพื่อเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยกับประชาชน

โดยเฉพาะทางม้าลาย

มี “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) เป็นผู้รับผิดชอบ

ร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่...) พ.ศ...(หรือฉบับที่ 13) ถูกหยิบขึ้นมาพูดอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอแก้ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ 2 สภา ที่คาดว่าจะมีการลงมติเดือน ก.พ.นี้ ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์ หลังจากนั้นอีก 120 วันถึงจะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ที่อัตราโทษการฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรเส้นทางข้าม (ทางม้าลาย) จากเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นปรับไม่เกิน 4,000 บาท รวมทั้งการตัดแต้มคะแนนความประพฤติ ที่ทุกคนมี 12 คะแนนต่อปี ข้อหาฝ่าฝืนตัดครั้งละ 1 คะแนน เมาแล้วขับ 4 คะแนน หากโดนตัดครบ 12 คะแนน จะต้องถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 3 เดือน

เข้าตำรา “วัวหายล้อมคอก”

กระนั้นก็เป็นสิ่งเดียวที่ "ตำรวจ" จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมที่กำลังเรียกร้องหาความปลอดภัยบนท้องถนน

ยิ่งตามสถิติในพื้นที่เมืองหลวงปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 197 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในทางเท้า-ทางม้าลายและอื่นๆ 720 ราย ขณะที่สถิติการฝ่าฝืนสัญญาณจราจรก็สูงถึง 40,688 ราย

ถือเป็นการปัดฝุ่นปรับปรุงกฎหมายให้มีสภาพบังคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาดอีกรอบ หลังก่อนหน้านี้ “บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายให้มีสภาพบังคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาดมาแล้วเมื่อปี 2562

ครั้งนั้นที่เกิดเหตุสลดว่าที่บัณฑิตสาวข้ามทางม้าลายเพื่อไปทำงานวันแรก ถูกบิ๊กไบค์ชนเสียชีวิตที่แยกผังเมือง ถนนพระราม 9 เป็นข่าวครึกโครม แต่ละหน่วยงานออกมาแอคชันทั้ง กระทรวงคมนคม กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่สำรวจทางม้าลาย เก็บรวบรวมข้อมูล ปรับปรุงทาสีใหม่ แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็กลับมาเกิดอีกจนได้

ครั้งนี้จะซ้ำรอยเป็นการล้อมคอก เป็นผักชีโรยหน้า เหมือนที่สังคมกำลัง "ครหา" หรือไม่ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่จะพิสูจน์ให้สังคมรับรู้รับทราบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สวมบท'อินฟลูอาเซียน' จุดเสี่ยงใช้ประเทศเดิมพัน?

ยืนยันชัดเจนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

พ่อบงการ ลูกตามสั่ง

“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.

ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’

“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน

“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง

ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”

“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย

47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!

คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด