เป็นความสัมพันธ์ที่แม้แต่คนภายนอกยังมองออกว่ากระท่อนกระแท่น สำหรับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ภาพที่ชัดที่สุดคือ การที่พรรคภูมิใจไทยแตกแถวในการโหวตร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หรือการที่ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศคัดค้านร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่เสนอโดยนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
และยิ่งชัดไปกว่าคือ การที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ซัดกลางงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยว่า มีพรรคร่วมรัฐบาลทำตัวเป็น "อีแอบ" พร้อมกับท้าว่า หากไม่พอใจให้มายื่นใบลาออกจากรัฐบาล
2 พรรคใหญ่ที่ถูกโฟกัสมากสุดว่าคือพรรคที่ "ทักษิณ" หมายถึงคือ "ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ"
"ภูมิใจไทย" อาจจะถูกคาดคะเนเยอะหน่อย เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน "ทักษิณ" เพิ่งจะแซะว่าพรรคภูมิใจไทยหล่อเร็วไปนิดนึง หลังจากออกมาคัดค้านกฎหมายสกัดรัฐประหาร
อย่างไรก็ดี 2 พรรคร่วมรัฐบาลพยายามหาเหตุผลว่าพรรคที่ "ทักษิณ" พูดไม่ใช่ตัวเอง
พรรครวมไทยสร้างชาติยืนยันว่าพรรคตัวเองให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ขณะที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปออกรอบตีกอล์ฟกับ "ทักษิณ" เพื่อสยบข่าวความแตกร้าว
หากแต่หลายคนชี้ว่ามันเป็นเพียงการสยบข่าวเท่านั้น ขณะเดียวกัน ภาพที่จะสยบข่าวความขัดแย้ง และสยบว่า "อีแอบ" ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยในความหมายของ "ทักษิณ" คือต้องเป็นภาพ "ทักษิณ" กับ "เนวิน ชิดชอบ" ผู้นำจิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย ออกรอบกัน ไม่ใช่ "เสี่ยหนู"
เพราะทุกคนรู้ว่าคนที่ "ทักษิณ" โกรธและแค้นชื่อ "เนวิน" ไม่ใช่ "อนุทิน"
แต่อย่างไรก็ดี แม้ความสัมพันธ์ของพรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติยังไม่ค่อยราบเรียบและลื่นไหล แต่โดยสมการทางการเมืองขณะนี้ยากที่จะมีปฏิบัติการเขี่ยทิ้งภาค 2 หลังจากภาคแรกมีการเขี่ยพรรคพลังประชารัฐซีก "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออก
เพราะการไม่อยู่ของพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่สำคัญเท่ากับการไม่มีอยู่ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่ไม่ได้มี สส.แค่ 71 คน แต่ยังมีขุมกำลังในวุฒิสภาเป็นกลไกสำคัญที่ยังจำเป็นต่อหลายๆ เรื่องที่รัฐบาลจะทำ
ขณะเดียวกัน ในอนาคตอันใกล้นี้ เครือข่ายสีน้ำเงินจะกระจัดกระจายไปอยู่ในหลายองค์กรที่มีบทบาทต่อการเมืองไทย
อีกทั้งหากเขี่ยทิ้งพรรคภูมิใจไทย อาจจะสะเทือนไปถึงการดำรงอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย เพราะจะเป็นการเปิดช่องให้ 2 พรรคผนึกกำลังกัน
ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติแพ็กกัน และออกจากพรรคร่วมรัฐบาล "พรรคเพื่อไทย" เองจะมีปัญหาทันที โดยเฉพาะเสียงในสภาผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเองไม่สามารถกลับไปจับมือกับ "พรรคประชาชน" ได้ เพราะรู้สัญญาณดีว่าที่ตัวเองถูกใช้ และที่ "ทักษิณ" ได้กลับบ้านมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ทุกวันนี้ เพื่อภารกิจ "สกัดส้ม"
การคิดจะกลับไปจับมือกับพรรคส้มจึงจะทำให้ "ทักษิณ" เสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เจ้าตัวกลัวมาก
อีกทั้ง "ทักษิณ" ยังมีบทเรียนในอดีตว่า การเป็น "รัฐบาลพรรคเดียว" มีอำนาจเบ็ดเสร็จโดยไม่ได้แบ่งให้ใคร สร้างความหมั่นไส้ให้กับฝ่ายตรงข้ามได้
ตรงกันข้าม การเอาพรรคที่แม้เคยเป็นศัตรู เป็นคู่แข่ง มาอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็อุ่นใจได้ว่าองคาพยพของพรรคเหล่านี้ก็ยังช่วยประคับประคองกันได้มากกว่าอยู่คนละฝั่งและอยู่คนเดียว
การเป็น "รัฐบาลพรรคเดียว" เป็นเหมือนดาบสองคมและอันตราย "ทักษิณ" นั้นรับรู้รสชาติของมันดี
วันนี้สิ่งที่ "ทักษิณ" อยากได้ ได้มาหมดแล้ว นั่นคือ ตัวเองได้กลับบ้าน "แพทองธาร" ลูกสาว ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศ จะเหลือก็แค่เพียงการพาน้องสาวในไส้อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาประเทศไทย
เหตุนี้ "ทักษิณ" จึงไม่น่าจะกล้าหักดิบ หรือหักกับผู้มีอำนาจในประเทศนี้ เพราะผลกระทบมันจะตกกับทั้งตัวเอง ลูก และน้องสาวที่รอวันกลับบ้านได้
อาการฟาดงวงฟาดงา อาการแซะ จิก กัด ท้าทาย เป็นนิสัยพื้นฐานของ "ทักษิณ" มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ด้วยปัจจัยขณะนี้มันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากใช้ปากแขวะเท่านั้น
อย่างกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อให้ไม่มีความพอใจแค่ไหน "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำตัวเป็นเอกเทศเพียงใด หรือแม้แต่พูดหล่อเหมือนกับที่พรรคภูมิใจไทยทำ แต่ "ทักษิณ" ก็ไม่กล้าหักด้วย
นั่นก็เพราะ "ทักษิณ" ย่อมรู้ว่า ใครคือคนที่สร้างพรรคนี้ขึ้นมา ใครคือคนที่หนุนอยู่ข้างหลัง และใครคือคนที่ดีลให้ได้มาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ในรัฐบาลชุดนี้ "ทักษิณ" ไม่กล้าแตกหักกับพรรคนี้แน่นอน
ฉะนั้น วันนี้ต่อจะให้มีข่าวลือว่าจะเขี่ยพรรคไหนออก หรือ "ทักษิณ" กระแทกแดกดันอีกกี่ครั้ง แต่สุดท้ายแล้วมันจะลงเอยแบบเดียวในทุกๆ ครั้ง ก็คือไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จะอยู่กันไปแบบตบๆ จูบๆ ทุบบ้าง ลูบบ้าง สลับกันไป สุดท้ายก็จะมีภาพเคลียร์ใจหรือชื่นมื่นตามออกมาเพื่อสยบรอยร้าวนี้
เพราะวันนี้สมการการเมืองไม่ได้มีตัวเลือกให้กับพรรคเพื่อไทยเยอะ แม้ "ทักษิณ" จะดูใหญ่โตในขณะนี้แค่ไหนก็ตาม
และในขณะเดียวกัน พรรคร่วมเหล่านี้ก็จะคอยคะคานอยู่เป็นระยะๆ เหมือนเดิม ไม่ได้เกรงกลัว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' เปิดข้อสังเกตสมาชิกแพทยสภา ปมทักษิณป่วยทิพย์ ปีนี้ความจริงต้องปรากฏ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปี 2568 ความจริงต้องปรากฏ
'สนธิญา' ประเดิมปีใหม่ ร้องสอบปมทักษิณพบอันวาร์
นายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ใน 4 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือกรณีรัฐบาลปล่อยให้ผู้เห็นต่าง แสดงความคิดเห็นในแอปพลิเคชั่น TikTok หยาบคาย ด่าทอ ผู้เห็นต่างกับฝ่ายรัฐบาล
ศึกบ้านใหญ่เชียงราย! 5 ม.ค. 'ทักษิณ' ยกทัพช่วย 'เมียยงยุทธ' ชน 'วันไชยธนวงศ์' ชิงนายก อบจ.
มีรายงานจากทีมงานเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ของพรรคเพื่อไทยว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ วันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค. นายทักษิณ ชินวัตร
ส่อเข้ายุคมืด! 'เทพไท' เห็นเค้าลางระบอบทักษิณครองเมืองหวนกลับมาอีกครั้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทักษิณคนเดิมกลับมาแล้ว" ระบุว่า
'อนุทิน' ควง 'เนวิน' ทำพิธียกยอดฉัตร วงเวียนรัชกาลที่ 1 เสริมมงคลรับปีใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธียกยอดฉัตรตามโครงการปิดทองเบิกฟ้า สักการบูชา มหาราช รัชกาลที่ 1 ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(รัชกาลที่ 1)
ปี67‘อดีตสว.’ขยับสะเทือนถึงรัฐบาล ถอดถอน‘เศรษฐา’ที่มาของหลายเรื่อง
การเมืองรอบปี 2567 เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดต้องยกให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา วันนี้จึงขอบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปี