“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
ภายใต้อุดมการณ์เดิมคือ ยึดมั่นในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, มุ่งสร้างประเทศไปสู่ความเจริญ ลดเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในทุกๆ ด้าน, ขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน การประพฤติมิชอบ และการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้องทุกรูปแบบ
สร้างสังคมที่มีความถูกต้องเป็นธรรม และเป็นสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อเกื้อกูล สุดท้ายคือปฏิบัติงานการเมืองอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม สุจริตในทุกขั้นตอน
จากอุดมการณ์และการก่อตั้งพรรคที่เริ่มต้นเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ล้มเหลว แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” สามารถกลับมามีชื่อได้อีกครั้งด้วยการข้ามขั้วมาร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันยังยึดเก้าอี้เจ้ากระทรวงได้ต่อในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ซึ่งจากการข้ามขั้ว พังอุดมการณ์ จน “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลว่า “พีระพัง” ที่หากฟังประโยคสั้นๆ อาจสะเทือนใจใครบางคน แต่เมื่ออ่านความหมายที่ระบุว่า
“พีระพัง” คือพังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร” ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์ คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน
ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี” คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ” ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน
“พีระพัง” ที่นอกจากการพังอุดมการณ์มาจับมือเพื่อไทยแล้ว ยังมีองคาพยพสำคัญที่ทำให้ รทสช.ในยุคร่วมรัฐบาลเพื่อไทย จากที่ไม่ค่อยมีโปรไฟล์โดดเด่นเท่าพรรคขนาดใหญ่ กลับต้องโลว์โปรไฟล์ลงไปอีก เพราะใกล้จะถูกถีบออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเต็มที หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่ตัวจริงของรัฐบาลอิ๊งค์ ส่งสัญญาณถึง “อีแอบ” ที่หนีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่วันดังกล่าวมีการพิจารณา พ.ร.ก.สำคัญเกี่ยวกับภาษีระหว่างประเทศ แต่กลับมี ครม.ลาถึง 7 คน รวมถึงพีระพันธุ์ที่ถูกโฟกัสมากที่สุด
และด้วยสไตล์การทำงานที่ซุ่มเงียบ ไม่ค่อยออกสื่อ วันประชุม ครม.ก็ซุ่มแอบสื่อเข้าประตูที่รัฐมนตรีไม่ค่อยขึ้น และแม้จะหามรุ่งหามค่ำร่างกฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จนถูกมองว่าจะเสร็จทันก่อนการปรับ ครม.ครั้งหน้าหรือไม่ เพราะหากยื้อเก้าอี้เจ้ากระทรวงพลังงานไว้ไม่ได้ มีหวังโครงการนี้ก็ต้องพังพับไว้เป็นแน่
ส่วนโครงการที่ทำสำเร็จแล้วก็มี เช่น แก้พระราชบัญญัติ อันเกี่ยวเนื่องกับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อช่วยปลดล็อกความสะดวกสบายและการเข้าถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของประชาชนและผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการตรึงราคาพลังงาน น้ำมัน ค่าไฟ ต่างๆ ที่ลดได้จริง แต่ทว่าทำสำเร็จได้ แต่ซุ่มเคลมผลงานคนเดียว ชูเป็นผลงานเด่นของพรรค ไม่เคยได้เอ่ยชื่อนายกฯ อิ๊งค์ในผลงานนั้นเลย จนมีเสียงติงจากคนในรัฐบาล
แม้แต่ความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มักจะเห็นภาพแกนนำพรรคร่วมมายืนโชว์ความสัมพันธ์แนบแน่นด้านหลังนายกฯ อิ๊งค์ ในวันแถลงผลการประชุม ครม. แต่ไม่เคยปรากฏภาพ “พีระพันธุ์” ร่วมเฟรม
ขณะที่ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 4/2567 วันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งนายกฯ อิ๊งค์จะนั่งเป็นประธานการประชุม โดยมีนายพีระพันธุ์ร่วมด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนถึงเวลาประชุมไม่นาน ได้มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน นายกฯ ไม่นั่งหัวโต๊ะเอง แต่มอบหมายให้พีระพันธุ์นั่งแทน ท่ามกลางสถานการณ์ที่อึมครึม
ขณะภายในพรรคก็เกือบจะพัง นอกจากกระแสข่าวแตกหักกับกลุ่มทุนแล้ว ล่าสุดยังสะพัด 25 สส.จ่อย้ายพรรค ทำ รทสช. ถึงกับระส่ำ ในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่มีทั้ง “หัวหน้าพี” และ “เลขาฯ ขิง” ถึงกับต้องคุยเปิดใจ เชื่อมสัมพันธ์กับบรรดา สส. ซึ่ง สส.พรรคยังยืนยันจะเดินเคียงข้างพีระพันธุ์และพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีพรรคแตก และต่างให้กำลังใจนายพีระพันธุ์ ที่ต้องเจอหลายแรงเสียดทานเข้ามาพร้อมกันในช่วงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยหลายองคาพยพที่ต้องเจอในวันนี้ แม้ยังไม่ทำ “พีระพัง” ถึงขั้นพังทลาย แต่อยู่ในช่วงอ่อนไหว ฉะนั้นการผสานขุมกำลังในมือไว้ให้แน่นตอนนี้ จะดีที่สุด!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

