“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง

ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ต่อเนื่องจากแคมเปญ 180 วันของพรรคเพื่อไทย และ 7 สส.เพื่อไทยโหนประเด็น “อีแอบ” หวังตีกินและโยนความผิดให้พรรคภูมิใจไทยที่ออกโหวตเห็นชอบในประเด็นกฎหมายประชามติใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ทำให้กฎหมายดังกล่าวถูกพัก 180 วัน เป็นเหตุให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เสร็จทันสมัยนี้ และไม่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ เช่นเดียวกับอีกหลายนโยบายที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คุยโว

แม้เบื้องต้นจะมีการโยงมาที่พรรคสีน้ำเงิน เพราะเมื่อดูบริบทการเมืองก็อาจมีความเป็นไปได้ เพราะเคยออกมาท้วงติงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่สุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นเหตุให้อายุรัฐบาลสั้น จนกระทั่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้รับฉายาจากสื่อฯ ทำเนียบรัฐบาล ว่า “ภูมิใจขวาง”

แต่ต่อมา “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคสีน้ำเงินก็สยบเกาเหลานี้ โดย ปรากฏภาพตัวเขาและนายใหญ่เพื่อไทยร่วมออกก๊วนตีกอล์ฟกับนักธุรกิจและซีอีโอทุนใหญ่พลังงาน ยืนยันว่าความสัมพันธ์แน่นปึ้ก

พร้อมระบุว่า “ท่านทักษิณไมได้หมายถึงผมชัดเจนอยู่แล้ว ท่านบอกว่าพรรคที่ไม่เข้าประชุม” พร้อมระบุว่า “การกระทำ สำคัญกับคำพูด”

รวมทั้งก่อนหน้าก็บอกว่า “ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาต่อกันอยู่แล้ว และจากนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งการร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันเป็น ‘ไฟต์บังคับ’ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน” อนุทินกล่าวยืนยัน

เช่นเดียวกับ “ทักษิณ” ก็บอกว่าไม่มีปัญหากับพรรคภูมิใจไทย พร้อมระบุว่า “ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ กติกาง่ายนิดเดียว คนเราเมื่ออยู่ร่วมกันต้องเคารพซึ่งกันและกัน”

เนื่องจาก “นายใหญ่” เข้าใจดีว่าตอนนี้ยังขาดพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ นอกจากจำนวนเสียง สส.ในสภาถึง 70 เสียง ยังรับรู้ว่าพรรคสีน้ำเงินยังมีพลังแฝงในเรื่อง สว.ไม่ต่ำกว่า 150 เสียง มีกลไกกลั่นกรองกฎหมายแล้ว ยื่นกระทู้ตรวจสอบรัฐบาล ยื่นถอนถอน สส.และรัฐมนตรี ที่สำคัญยังมีดาบผ่านอำนาจในการแต่งตั้งองค์กรอิสระ ที่คาดว่าอีกไม่นานก็จะมีเครือข่ายสีน้ำเงินเข้าไปแฝงแทนที่ขั้วอำนาจเก่าที่ใกล้จะหมดวาระ หลังสืบทอดอำนาจจากยุค 3 ป. มานาน

ยิ่งล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน 12 ข้าราชการปมนักโทษเทวดานอนชั้น 14 ที่อาจโยงไปถึง “ทักษิณ” มีความผิดในฐานะผู้สนับสนุน เช่นเดียวกับ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็มีคดีต่างๆ ที่ถูกร้องเรียนไว้เป็นชนักอยู่ในองค์กรอิสระมากมาย

สภาวะของพรรคแดงและพรรคสีน้ำเงินคงอยู่ในสภาวะตบจูบ ผลัดกันรุก ผลัดกันขี่ เช่นนี้ตลอดไปจนครบวาระ เพราะจะชิงยุบสภา ก็เชื่อกระแสพรรคแดงก็ยังไม่พร้อม ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านได้ ที่จะต่อสู้กับพรรคส้มตามดีลที่ได้รับมาจากฝ่ายอนุรักษนิยม

ขณะที่ พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลพรรคเพื่อไทย เพราะภายหลังจากเกิดประเด็น “อีแอบ” ที่ อ.หัวหิน ต่อมาในสภาก็ยังกล้าโหวตสวนปมประชามติ ยึดหลักเสียงข้างมากสองชั้น โดยไม่ยี่หระต่อคำขู่ใดๆ

สอดรับกับแนวทางของพรรคยึดโยงกับฝ่ายอนุรักษนิยม ทั้งตัว “อนุทิน” ที่ได้รับเครื่องหมายสำคัญมาก่อนหน้า รวมถึงทิศทางพรรคที่ปกป้องสถาบัน ประกาศชัดไม่แตะต้องมาตรา 112 และรัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ฯลฯ

จึงตีความได้ว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่ประคองรัฐบาลและถ่วงดุลอำนาจของพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ไว้วางใจระบอบทักษิณที่ต้องฟื้นคืนชีพ

ดังนั้น หากมีอะไรที่ไปรุกไล่เขตแดนของอำนาจเก่า อาทิ แก้รัฐธรรมนูญ ในเรื่องอำนาจองค์กรอิสระ เช่น ศาล รธน., ป.ป.ช., กกต., นิรโทษกรรม หรือปฏิรูปกองทัพ

รวมถึงออกนโยบายและกฎหมายส่อเอื้อประโยชน์พวกพ้องและกลุ่มทุนผูกขาดที่มีความใกล้ชิด อย่างเช่น กาสิโน, ต่อสัญญาเชื่อมรถไฟ 3 สนามบิน, พ.ร.บ.ขนส่งทางรางเอื้อนายทุนรถไฟฟ้า ฯลฯ ก็จะเจอ “ภูมิใจขวาง” แน่นอน

เช่นเดียวกับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่อยู่ในข่าย “อีแอบ” เช่นกัน เพราะในวันประชุม ครม.ที่เกิดเรื่องก็ลาประชุม

ท่ามกลางกระแสข่าวไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.เรื่องเกี่ยวกับภาษี เนื่องจากในฐานะนักกฎหมายมองว่าอาจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ จึงเลือกเล่นบทเซฟตัวเอง อีกทั้งเจ้าตัวยังเก็บตัวเงียบ ไม่ออกมาแจงเรื่องนี้ให้คลายความสงสัย

รวมทั้งที่ผ่านมายังทำตัวเหมือน “รัฐอิสระ” ไม่ค่อยปรากฏภาพเคียงข้าง “นายกฯ อิ๊งค์” อย่างพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เพราะอาจแสลงใจอุดมการณ์ในอดีตที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณมานาน อาจทำให้ “พ่อนายกฯ” มองแล้วว่าไม่ใช่เลือดสุพรรณฯ

อีกทั้งยังมีภาพนายทุนและซีอีโอด้านพลังงานร่วมตีกอล์ฟกับ “ทักษิณ” และ “อนุทิน” กระทั่งมีการวิจารณ์กันว่าต้องการส่งสัญญาณกดดันอะไรหรือไม่ เพราะมีข่าวว่า “รมต.พีระพันธุ์” ไม่สนองงานนายทุนพลังงาน จึงมีความเป็นได้ที่ “นายใหญ่” ต้องการกดดันให้สยบยอม หรือเขี่ยให้พ้นทาง

แต่ความเป็นจริงทางการเมือง “ทักษิณ” อาจทำได้แค่ขู่ฟอดๆ เพราะหากเลือกเขี่ย “หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งเปรียบเป็นตัวแทน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เท่ากับแตกหักกับอดีตนายกฯ ด้วยเช่นกัน ที่แม้จะออกจาก รทสช.ไปเป็นองคมนตรีแล้วก็ตาม แต่บารมีและอำนาจทางการเมืองยังแฝงอยู่ในโครงสร้างต่างๆ ของประเทศมากมายทั้งที่มองเห็นและไม่เห็น

ฉะนั้น ด้วยเงื่อนไขและบริบทการเมืองในวันนี้ ที่ “ทักษิณ” มีเพียง 140 กว่าเสียง ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือน 20 ปีที่แล้ว จึงเกิดคำถามว่าจะกล้าถีบพรรคร่วมรัฐบาลออกจริงๆ หรือแค่โชว์กร่าง เนื่องจากการร่วมรัฐบาลถือเป็นไฟลต์บังคับ และต้องไม่ลืมว่า พ่อนายกฯ และนายกฯ คอกำลังพาดเขียงด้วยคดีความและเรื่องร้องเรียนมากมายที่รอจังหวะเช็กบิล. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เชื่อแล้ว 'ทักษิณ' ป่วยจริง ปราศรัยจะส่งกำลังไปจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา-กัมพูชา

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตอนหนึ่ง ว่า

เปิดฉากทัศน์ ทักษิณ 7 : รัฐบาลเพื่อไทย+พรรคประชาชน 300 เสียง นายกฯยังเป็น 'แพทองธาร'

ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว

'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง

'แม้ว' ไล่อัดพรรคปชน. เช้ายันเย็น ฝากถึงขาประจำระวังไว้ ไม่ได้ขู่เช็กบิลแต่เอาจริง

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง เป็นวันที่ 2 เวทีสุดท้าย

'ทักษิณ' พล่ามหนัก! หลังรัฐประหารเอาคนง่าวมาบริหารประเทศจนเฮงซวย

“ทักษิณ” รับ เป็นคนโลภมาก ขอสส.เชียงใหม่ คืน 10 คน เหน็บ “ปชน.” สงสัยเวลาตกฟากไม่ดี เป็นรบ.ลำบาก เย้ย มวยเพิ่งขึ้น อย่าคิดว่าจะชนะ