นับถอยหลัง 2567 5 ฉากร้อนการเมืองไทย

นับถอยหลังต่อจากนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็เข้าสู่ช่วง “นับถอยหลังอำลา 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568” กันแล้ว

โดยที่ผ่านมาและต่อจากนี้จะเห็นทั้งการโหวตหรือจัดอันดับประจำปีของสื่อหรือองค์กรต่างๆ ที่ทำให้เห็นภาพ-บริบทที่สำคัญแต่ละเรื่องในรอบปี 2567 หรือ ค.ศ.2024 อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ นิตยสารไทม์ (TIME) ประกาศชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็น "บุคคลแห่งปี 2024" เป็นต้น

สำหรับประเทศไทย หากจัดอันดับบุคคล-สิ่งมีชีวิตที่ดังที่สุดในรอบปี 2567 อันดับ 1 เข้าวินแบบไร้คู่แข่ง ไม่มีคู่เทียบ คงไม่พ้น

 “หมูเด้ง MooDeng” ที่ ดังสุด-ดีดสุด-ป๊อปปูลาร์ที่สุด และไม่ได้ดังแค่ในประเทศไทย แต่ดังไปทั่วโลก เป็นต้น 

ขณะที่ "การเมืองไทย" ในรอบปี 2567 ก็มีหลายซีน-หลายฉากการเมืองร้อนๆ เกิดขึ้น ที่หากสรุปแบบมัดรวม แบบเหลียวหลัง 2567 ก่อนแลหน้าการเมืองไทยปี 2568 ก็มีฉากใหญ่ๆ ประกอบด้วย

1.เศรษฐาหลุดนายกฯ ศาล รธน.สั่งฟัน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ

จากเสี่ยนิด แสนสิริ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดังแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยไม่เคยเล่นการเมืองมาก่อน ไม่เคยมีตำแหน่งการเมืองใดๆ แต่เพราะการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยตอนเลือกตั้งปี 2566 ภายใต้แรงหนุนจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนสุดท้ายเมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และกลายเป็นพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทน จนเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทำให้เศรษฐาขึ้นเป็นนายกฯ หลังเปิดตัวเล่นการเมืองไม่กี่เดือน ภายใต้การถูกวิจารณ์ว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิด และสุดท้ายต้องพ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. เมื่อ 14 ส.ค.2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีนำชื่อ พิชิต ชื่นบาน ทนายถุงขนม 2 ล้านบาท ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแต่งตั้งเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี

เป็นการปิดฉากนายกฯ ชื่อเศรษฐา ซึ่งทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากก็นึกไม่ออกเลยว่า ตลอดช่วงการเป็นนายกฯ เกือบปี เศรษฐามีผลงานอะไรที่ทำให้ประชาชนจดจำได้บ้าง!   

2.ชินวัตรผงาด แพทองธารนั่งนายกฯ

ผลจากการที่เศรษฐาหลุดจากนายกฯ จึงทำให้ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลกันใหม่ แต่ยังมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล และรอบนี้ถึงคิว แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณได้ผงาดขึ้นเป็นนายกฯ โดยเป็น ชินวัตร คนที่ 3 ที่ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ต่อจากทักษิณ บิดา และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นอา

การขึ้นเป็นนายกฯ ของแพทองธาร และถึงตอนนี้ทำงานมาได้ 3 เดือน ถูกตั้งคำถามและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า เธอไม่ใช่นายกฯ เช่นเดียวกับไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะนายกฯ ตัวจริง-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงก็คือทักษิณ ซึ่งเป็นจุดที่แพทองธารยากจะสลัดเงาและอิทธิพลของทักษิณ ที่มีต่อตัวเธอและการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีได้

ทำให้ 3 เดือนผ่านไป ประชาชนจำนวนมากยังมองว่า แพทองธารยังเป็นแค่นายกฯ นอมินีของผู้เป็นพ่อ เหมือนกับที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ วันแรก           

3.ระบอบทักษิณใหม่คืนชีพ “แม้ว” พาวเวอร์ฟูล

หลังจากทักษิณได้รับการพักโทษ ออกจาก รพ.ตำรวจ เมื่อ 17 ก.พ.2567 บทบาททางการเมืองของทักษิณในฐานะผู้กำกับนายกฯ-คนคอนโทรลรัฐบาลเพื่อไทยก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าตอนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ 6 เดือนอย่างเห็นได้ชัด

และนับวันก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเห็นได้ชัด รอบนี้ทักษิณสร้างและวางเครือข่ายของตัวเองไว้ในทุกวงการ ทั้งการเมืองระดับชาติ-การเมืองท้องถิ่น-วงการทหาร-ตำรวจ-วงการข้าราชการ-องค์กรอิสระ-วงการธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ-วงการสังคมชั้นสูง กลุ่มอีลิท-วงการสื่อ แบบลงรากฝังลึกครอบคลุมทุกวงการ

 จนหลายคนเริ่มเห็นแล้วว่า องคาพยพระบอบทักษิณรอบใหม่นี้ ลงรากฝังลึกกว่าสมัยทักษิณเป็นนายกฯ และสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายเท่า และนับวันก็ยิ่งแสดงออกโดยไม่หวั่นเกรงเรื่องเสียงวิจารณ์หรือการตรวจสอบ

เห็นได้จากหลายฉากการเมือง เช่น การเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือเรื่องการตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า-การทำโผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือล่าสุด การเล่นบทนายกฯ-ผู้นำรัฐบาลตัวจริงกลางงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการขู่จะชักใบแดง ไล่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคออก หากใจเสาะ ทำงานกับเพื่อไทยแล้วไม่ให้ใจเต็มร้อย ชนิดทำเอาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลขาสั่นกันหมด ที่ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าทักษิณคือเบอร์ 1 ของรัฐบาลในเวลานี้                  

4.ยุบพรรคก้าวไกล คดีล้มล้างการปกครอง

คำวินิจฉัยของศาล รธน.ที่สั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เมื่อ 7 ส.ค.2567 ในคดีล้มล้างการปกครอง ที่มีแกนนำพรรคส้มโดนตัดสิทธิ์ ต้องออกไปจากถนนการเมือง 10 ปี หลายคนโดยเฉพาะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ชัยธวัช ตุลาธน เป็นอีกหนึ่งฉากการเมืองร้อนแห่งปีนี้

 เพราะพรรคก้าวไกลคือพรรคที่ได้ สส.มาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งปี 2566 คือ 151 คน และได้คะแนนเสียงทั่วประเทศในระบบปาร์ตี้ลิสต์มากที่สุด 14 ล้านเสียง ทั้งที่เพิ่งเข้าสู่สนามเลือกตั้งแค่ 2 ครั้ง นับจากพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 

อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลปัจจุบันยังเดินหน้าต่อในนามพรรคประชาชน โดยหลายคนยังประเมินว่า การเลือกตั้งรอบหน้าก็ยังมีโอกาสสูงที่พรรคประชาชนยังน่าจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง

5.เลือก สว.ชุดใหม่ สภาสีน้ำเงินคุมเบ็ดเสร็จ

หลังสมาชิกวุฒิสภาชุดที่แล้ว ที่มีด้วยกัน 250 คน และเป็น สว.ที่ทำคลอดโดย คสช.อยู่ครบวาระ ทำให้ต้องมีการคัดเลือก สว.ชุดใหม่ ตามกติกาของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ที่ใช้กับการเลือก สว.เป็นครั้งแรก จนสุดท้ายได้มาซึ่ง สว.ชุดปัจจุบัน 200 คน

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบการคัดเลือกที่แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ อำเภอ-จังหวัด-ระดับชาติ ที่พบว่ามีปัญหาต่างๆ มากมาย กับระบบการคัดเลือกที่มีที่เดียวในโลก ในการให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาสูง ภายใต้กติกาการเลือก สว.ที่เปิดช่องให้บล็อกโหวตทำโผ สว.กันได้ตั้งแต่ระดับอำเภอเรื่อยมาจนถึงการโหวตรอบสุดท้ายที่กรุงเทพฯ แต่สุดท้าย กกต.ก็ประกาศรับรองผล ทำให้ สว.ทั้งหมดเข้าไปทำหน้าที่จนถึงปัจจุบัน

ภายใต้ภาพการเมืองที่เห็นชัดว่า สภาสูงชุดปัจจุบัน สมาชิกจำนวนไม่น้อยเป็นพวกที่มาจากการ จัดตั้ง-ล็อกชื่อ-โหวตตามโผ ที่มีการเซตแผน มาตั้งแต่ระดับอำเภอจนถึงรอบสุดท้าย จนได้รายชื่อ สว.ที่ส่วนใหญ่เป็น เครือข่ายสีน้ำเงิน ที่ใกล้ชิดกับ บ้านใหญ่บุรีรัมย์และพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลพรรคการเมืองหนึ่ง จนทำให้ สว.ชุดปัจจุบันถูกเรียกว่า สภาสีน้ำเงิน ซึ่งล่าสุดข่าวว่า สว.สีน้ำเงินในสภาสูงมีร่วม 160-170 คนเข้าไปแล้ว จนผู้อยู่เบื้องหลัง สว.สีน้ำเงิน สามารถกดรีโมตสั่งการทางการเมืองไปยังวุฒิสภาได้ทุกเรื่องหากต้องการ  

ทั้งหมดคือ 5 ฉากใหญ่การเมืองไทยปี 2567 ที่สรุปมัดรวมมาให้เห็นภาพ ก่อนอำลาปีมะโรง มังกรไฟ 2567 เพื่อเตรียมต้อนรับปีมะเส็ง 2568.