แวดวงการเมืองต่างเทน้ำหนักไปทางเดียวกัน โดยมองว่าน่าจะเป็นจริงอย่างที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ-รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “สัญญาณเตือน-เตรียมควักใบแดง ถีบออกจากรัฐบาล” ของทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง
กรณีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าประชุม ครม.เมื่อ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา “ไม่น่าจะหมายถึงตัวอนุทินและภูมิใจไทย” แต่น่าจะเป็นอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่หัวหน้าพรรคดังกล่าวก็ไม่ได้เข้าประชุม ครม.ในวันดังกล่าว
“ไม่ใช่หมายถึงผมแน่ๆ ก็แล้วกัน แต่หมายถึงใครก็ต้องไปถามท่านดู เพราะท่านเป็นผู้พูด และท่านไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่เรารู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะท่านหมายถึงคนที่ไม่ได้ไปร่วมประชุม ครม. แต่ผมไปมันก็จบ ผู้สื่อข่าวก็เห็น คนที่ยืนถัดจากนายกฯ ก็คือผมในการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม.” อนุทินระบุไว้เมื่อ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พ.ร.ก. 2 ฉบับที่เข้าที่ประชุม ครม.วันดังกล่าว คือ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ....และ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่...) พ.ศ.…....ที่เป็น พ.ร.ก.เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลในไทย โดยต้องเก็บภาษีจากบริษัทนิติบุคคลต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย เพื่อเป็นการรองรับเกณฑ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
การออกพระราชกำหนดรัฐธรรมนูญมาตรา 172 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
ถอดรหัสการเมืองที่ทักษิณส่งออกมาได้ไม่ยากว่า ทักษิณ พ่อนายกฯ คงมองว่า ที่มีรัฐมนตรีบางคนจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าประชุม ครม. เพราะเกรงจะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายตามมา เช่น โดนร้องเรียนหรือส่งเรื่องไปศาล รธน.ทำนองว่า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนพอที่ต้องออกเป็นพระราชกำหนด เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลเลยหลบไม่เข้าประชุม ครม.เพื่อเพลย์เซฟตัวเอง ไม่ยอมร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน
ทักษิณเลยต้องออกมากระตุกแรงๆ ถ้าทำงานด้วยกันแบบนี้ ก็อยู่ด้วยกันยาก เอาแต่ตำแหน่ง แต่ไม่ให้ใจกัน มันต้องเตือนกันบ้าง เลยควักใบเหลืองเตือนก่อน แต่ถ้ารอบหน้ายังมีแบบนี้อีก เจอแน่ ควักใบแดง ปรับ ครม.เมื่อไหร่ ก็ปรับออกไปเป็นฝ่ายค้าน แบบพรรคพลังประชารัฐและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เจอมาแล้วจนช็อกตาตั้ง
ย้ำชัดๆ อีกรอบ คำเตือนของทักษิณที่กล่าวไว้เมื่อ 13 ธ.ค.
“...เมื่อ 2 วันก่อนมีพระราชกำหนดเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี
ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา..
พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว วันนั้นไม่สวยเลย วันนี้ที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
สำหรับ รมต.ที่ลาประชุม ไม่เข้าประชุม ครม.วันดังกล่าว 7 คน ประกอบด้วย
1.อนุทิน ชาญวีรกูล รอง นายกฯ และ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 2.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 3.มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย 4.ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย 5.อัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ จากพรรคกล้าธรรม น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส 6.สุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย 7.สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อไล่สแกนแต่ละคน เริ่มจาก มาริษ-รมว.บัวแก้ว อดีตเลขานุการส่วนตัวทักษิณตอนเป็นนายกฯ ชื่อนี้ไม่มีปัญหา เพราะเป็น รมว.การต่างประเทศจากเพื่อไทย สายตรงทักษิณ ส่วนอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตร น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส โควตาพรรคกล้าธรรม ก็ไม่ใช่ อย่างที่รู้กัน พรรคกล้าธรรมยามนี้คือพรรคสาขาของเพื่อไทย
แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ 2 พรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ”
เพราะภูมิใจไทยมี 3 รัฐมนตรีไม่ได้เข้าประชุมคือ อนุทิน-ทรงศักดิ์-สุรศักดิ์ ส่วนรวมไทยสร้างชาติ 2 คนคือ พีระพันธุ์และสุชาติ แต่กรณีอนุทินพบว่า ตอนเช้าติดนัดหมอ จากนั้นเข้าประชุม ครม.ตอน 11.00 น. จนไปร่วมแถลงข่าวกับนายกฯ หลังประชุม ครม.
กระนั้นอย่างที่วิเคราะห์ไว้ข้างต้น แวดวงการเมืองไม่ได้มองว่าทักษิณส่งสัญญาณถึงภูมิใจไทย แต่น่าจะเป็นพรรคอื่น ซึ่งแวดวงการเมืองส่วนใหญ่เทน้ำหนักไปที่ “รวมไทยสร้างชาติ”
แม้ก่อนหน้านี้ภูมิใจไทยจะมีง้างงัดกับเพื่อไทยหลายเรื่อง เช่น สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในเรื่องนโยบายกัญชา ที่เพื่อไทยจะเอากัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม แต่ภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย คัดค้านและทำได้สำเร็จ, การเปิดกาสิโน ที่ภูมิใจไทยเคยตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้าน, ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ที่ สส.ภูมิใจไทยงดออกเสียงทั้งพรรค ตอนสภาฯ นัดโหวตหลังวุฒิสภาส่งร่างกลับคืนมา, แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ, หลักการเรื่องนิรโทษกรรม ที่ยืนยันชัดไม่ให้นิรโทษคดี 112 โดยที่เพื่อไทยยังไม่ชัดตอนแรก อีกทั้งทักษิณเป็นจำเลยคดี 112, การแก้ไขสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน และล่าสุดกับเรื่องร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่อนุทินคัดค้านไม่เอาด้วยกับ สส.เพื่อไทย จนทักษิณออกมาดักคอว่า “หล่อเร็วไป”
ทว่า เป็นที่รู้กันว่าความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับอนุทินมีความลึกซึ้งแนบแน่นมากกว่า พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลายเท่านัก
ยิ่งคนในพรรค รทสช.ส่วนใหญ่มาจากประชาธิปัตย์และ กปปส.ที่เคยเป็นคู่แค้นกับทักษิณมาก่อน เช่น “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม-เลขาธิการพรรค” ก็เป็นอดีตโฆษก กปปส.ที่ปลุกม็อบขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณ ส่วนพีระพันธุ์สมัยอยู่ ปชป.ก็ตรวจสอบรัฐบาลทักษิณเข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องจัดซื้ออาวุธของกระทรวงกลาโหม แต่ที่ ต้องเอาพรรค รทสช.ที่เคยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก่อนไปเป็นองคมนตรี มาร่วมรัฐบาลในตอนแรก ก็เพราะเป็นเรื่องของ ดีลลับ-ดีลพิเศษ ตั้งรัฐบาลสกัดพรรคส้ม
อย่าลืมว่า รัฐบาลแพทองธารที่มี สส.อยู่ในหน้าตัก 320 เสียง ไม่นับรวมงูเห่าฝ่ายค้าน หากต่อไปจะเป็นรัฐบาล โดยไม่มีพรรค รสทช.ที่มี 36 เสียง
ยังไงรัฐบาลเพื่อไทยก็อยู่ได้สบายๆ เสียงในสภาฯ ยังเกินกึ่งหนึ่งมาหลายสิบเสียง
อีกทั้งหากปรับ รทสช.ออก โดยไม่ได้ดึงพรรคอื่นมาเสียบแทน เท่ากับทักษิณ-เพื่อไทยก็ได้โควตารัฐมนตรีของ รทสช.มาอีก 4 เก้าอี้ แถมเป็นกระทรวงไม่ธรรมดา “พลังงาน-อุตสาหกรรม” จะได้เอามาขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้เต็มที่
ยิ่งตอนหลังมีข่าวลือทางการเมืองว่า ทุนใหญ่การเมืองบางกลุ่มที่เคยสนับสนุนพรรครัฐบาลพรรคหนึ่ง ตอนนี้มีปัญหาขัดแย้งกับแกนนำพรรคการเมืองดังกล่าวอย่างหนัก จนทุนใหญ่ดังกล่าวแยกตัวออกไป และจะไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รวมถึงกำลังวางแผนส่งคนไปตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อรองรับการเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อให้เป็นพรรคพันธมิตรกับเพื่อไทย เช่นเดียวกับพรรคกล้าธรรมของธรรมนัส
โดยพบว่าทุนใหญ่ดังกล่าวสนิทสนมแนบแน่นกับทักษิณยิ่งนัก มีภาพออกรอบตีกอล์ฟกับทักษิณให้เห็นเป็นประจำ และตัวทักษิณย่อมได้รับสัญญาณแตกหักของทุนใหญ่คนดังกล่าวกับพรรครัฐบาลพรรคนั้นแล้ว
แบบนี้ทักษิณจึงไม่ต้องเกรงใจ พอเห็นคนในพรรคดังกล่าวไม่เข้าประชุม ครม.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็เลยใส่เต็มแม็กซ์อย่างที่เห็น
ทำให้คนเริ่มจับตามองกันว่า ปรับ ครม.รอบหน้า อาจมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคกระเด็นไปเป็นฝ่ายค้าน ตามรอยพลังประชารัฐ
หลังทักษิณออกมาควักใบเหลือง เพื่อส่งสัญญาณเตือน ก่อนควักใบแดง ถีบออกจากรัฐบาลในอนาคตอันใกล้!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระอุ! เลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม ‘พท.’ ขนทัพหน้าช่วยผู้สมัคร สู้ลูกสาวครูแก้วแชมป์เก่า
ผู้สื่อข่าวจังหวัดนคพนมรายงานความคืบหน้าการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนมว่า ยังไม่ทันถึงวันจับสลากได้เบอร์ เพื่อใช้ในการหาเสียงนายก อบจ.นครพนม
เทพไทจวก ‘พรรคร่วม’ ทำตัวเป็นลูกไล่ทักษิณ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง"
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"
รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่
การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
'อนุทิน' ยันไม่ใส่ใจคำพูด 'ทักษิณ' โชว์ห้าวตะเพิดพรรคร่วมฯ ขอฟังแค่นายกฯอิ๊งค์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาพรรคเพื่อ